เหรียญลูกเสือชาวบ้านลป.คำแสนป่าดอนมูลเหรียญพระปางซ่อนหา วัดกลางตลาดพลู ลป.โต๊ะเสกปี๒๐

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751233521602.jpg

    พระพุทธสิหิงยอดธง พรหมรังษี ปี ๒๕๑๒ วัดพรหมรังษี กรุงเทพ
    โบราณกาล พระยอดธงจะจัดสร้างเพื่อติดยอดธงเพื่อคุ้มครองคนรอบข้างเพราะบารมีและ พุทธคุณจะสามราถคุ้มครองได้ และมักสร้างเพื่อแจกกับแม่ทัพนายกองผู้นำพระพุทธสิหิงยอดธงนี้สร้างเมื่อ 2512 วัดพรหมรังษีซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระพุฒธาจารย์โตท่านเคยมาพำนัก เป็นพิธีใหญ่เกจิในยุคนั้นมาร่วมกันปลุกเสกมากมาย เช่น หลวงปู่โตณะ วัดประดู่ฉิมพลี และได้ใช้รูปแบบพระพุทธสิหิงซึ่งเป็นพระพุทธรุปศักดิ์สิทธ์มาเป็นพระยอดธงพุทธคุณเด่นทางคุ้มครอง มหาอำนาจ
    วัดพรหมรังษี แสมดำ บางขุนเทียน มีประวัติเกี่ยวพันกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยเชื่อว่าท่านได้เคยธุดงค์มาพักปักกลดที่บริเวณนี้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความศรัทธาและร่วมใจกันสร้างวัดขึ้น ต่อมาจึงได้มีการตั้งชื่อวัดว่า "วัดพรหมรังษี" เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250704_190930.jpg IMG_20250704_191025.jpg IMG_20250704_190841.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2025 at 21:21
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751635870848.jpg

    เหรียญรุ่นนี้..คณะศิษย์ลูกเสือชาวบ้าน บ้านสันโค้ง สร้างถวายบูชาคุณหลวงปู่..
    "หลวงปู่คำแสน" ท่านเป็นศิษย์รุ่นแรกของ "พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" (รุ่นเดียวกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ) เพียงองค์เดียวที่อยู่ในมหานิกาย ไม่ต้องแปรญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ...ปกติแล้ว หลวงปู่แหวน, หลวงปู่ตื้อ,หลวงปู่ขาว, หลวงปู่สิงห์ ซึ่งเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น รุ่นเดียวกันหมด ต้องแปรญัตติใหม่เป็นธรรมยุติทุกองค์
    วัตถุมงคลของหลวงปู่คำแสน เด่นทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยมเป็นเลิศ..
    หลวงปู่คำแสน...ได้มรณภาพในวันอาทิตย์ ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ สิริอายุได้ ๘๖ ปี ๖๘ พรรษา
    ปฏิปทาบางส่วนของหลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย
    สมัยที่ท่านได้ทราบข่าวจากชาวบ้าน ว่าทางราชการได้จับ ครูบาเจ้าศรีวิชัย
    ยอดนักบุญแห่งลานนาไทย มากักขังไว้ที่วัดศรีดอนไชย
    ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย มีความเคารพและเลื่อมใสในท่านครูบาฯ เป็นอย่างยิ่ง
    ก็ให้รู้สึกเสียใจ และอยากจะไปกราบนมัสการให้กำลังใจท่าน
    ได้ชักชวนพระสงฆ์และชาวบ้านให้พากันไปเยี่ยม แต่คนทั้งหลายกลัวจะถูกตำหนิ
    หรือถูกกลั่นแกล้งจากทางราชการ ในที่สุดก็เดินทางไปกับเณรและลูกศิษย์เพียง ๒-๓ คนเท่านั้น
    ได้เดินทางประมาณ ๑๕-๑๖ กิโลเมตรกว่าจะถึงวัดศรีดอนไชย
    เมื่อเข้าไปภายในวิหารนั้น เขาใช้เชือกมนิลาเส้นโตผูกเสาวิหารไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนคอกหมู
    ภายในคอกสี่เหลี่ยมนั้น มีพระสงฆ์รูปหนึ่งสูงอายุนั่งอยู่ด้วยอาการสงบ
    ในลักษณะขัดสมาธิ ห่มผ้าสีกลัก มีลูกประคำเส้นโตๆ คล้องคอ
    กำลังนับลูกประคำนั้นอยู่ จึงคลานเข้าไปกราบตรงหน้า
    ในขณะที่กราบลงไปนั้นก็เกิดอารมณ์อ่อนไหว จิตใจอ่อนแอจนร้องไห้ออกมาโฮใหญ่
    ด้วยอารมณ์สงสารใน]ครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ต้องมาถูกจองจำ และจะถูกจับสึกที่กรุงเทพฯ
    เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของพระคำแสนในขณะนั้น คงจะทำให้ท่านครูบาฯ ออกจากการปฏิบัติ
    เพราะได้เอื้อมมือมาตบที่ไหล่ พร้อมกับดุว่า ท่านเป็นพระจะร้องไห้ไม่ได้
    พระเป็นผู้ตัดแล้วซึ่งกิเลส เมื่อเป็นเช่นนั้นต้องระงับอารมณ์ ไม่ให้มีการร้องไห้เด็ดขาด
    ขณะเดียวกันก็เริ่มสอนให้นั่งขัดสมาธิ เอามือประสานกันวางไว้บนตัก
    หลับตาพร้อมกับท่องคำ นโม ในใจ หลายสิบหลายร้อยจบให้ท่องไปเรื่อยๆ
    พระคำแสนก็ปฏิบัติตามคำสั่ง ท่องไปท่องมาไม่นานอาการสะอื้น
    และน้ำตาก็หายไป ท่านครูบาฯ จึงสั่งให้ลืมตาขึ้น แล้วก็สอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน
    พระคำแสนก้มลงกราบแทบเท้า และนมัสการว่ามาจาก อำเภอสันกำแพง
    ท่านครูบาฯ ได้เทศน์อบรมเกี่ยวกับขันติให้พระคำแสนฟัง
    พร้อมกับแนะนำสั่งสอนให้ศึกษาวิปัสสนาธุระ
    โดยเริ่มต้นปฏิบัติดังที่ได้ทำมาแล้วเมื่อสักครู่ แล้วก็ให้นมัสการลา
    จึงนับว่าเป็นบทเรียนบทแรกในชีวิตเกี่ยวกับการศึกษาวิปัสสนา
    และท่านก็ดิ้นรนหาลู่ทางจะศึกษาในเรื่องนี้ จากทุกแห่งที่มีข่าวว่ามีอาจารย์สอน
    ต่อมาเมื่อท่านได้เรียนกัมมัฏฐานจาก ท่านครูบาแก้ว ชยเสโน
    แล้วท่านก็ขอลาพระอาจารย์ออกเดินธุดงค์จาริกไปในที่ต่างๆ
    เมื่อถึงคราวเข้าพรรษา ท่านจึงจะกลับมาอยู่ที่วัดดอนมูล
    พออายุได้ ๓๔ ปี ๑๓ พรรษา ท่านเจ้าอาวาสก็มรณภาพลง
    ทางคณะศรัทธาจึงได้นิมนต์หลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย เป็นเจ้าอาวาสแทนสืบต่อมา
    จนท่านมีอายุได้ ๓๙ ปี ๑๘ พรรษา มีพระธุดงค์ชื่อ ท่านพระอาจารย์แหวน สุจิณโณ
    เดินธุดงค์มาพักอยู่ที่อู่ทรายคำ ในเมืองเชียงใหม่ เมื่อหลวงปู่ทราบดังนั้น
    ท่านได้ให้โยมไปนิมนต์พระอาจารย์แหวน ให้มาเผยแผ่อบรมศรัทธาที่วัดดอนมูล
    ต่อมา ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้มาพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
    ท่านพระอาจารย์แหวน และหลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย
    ก็ได้ไปนมัสการและได้มอบกาย มอบจิตถวายเป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่นแต่บัดนั้นมา
    ต่อมาท่านพระอาจารย์แหวน ท่านได้จาริกไปๆ มาๆ ในเมืองเชียงใหม่
    และไปจำพรรษาที่วัดป่าห้วยน้ำริน อำเภอแม่แตง
    ส่วนหลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย หลังจากได้เรียนพระกัมมัฏฐานจากท่านพระอาจารย์มั่นแล้ว
    ท่านก็ออกเดินธุดงค์ไปยังประเทศพม่า ย่างกุ้ง หงสาวดี แล้วเดินย้อนกลับ
    เดินธุดงค์ไปสู่ภาคอีสาน ไปอยู่กับ ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ที่โคราช
    แล้วกลับขึ้นไปทางเหนืออีก ที่ใดเป็นที่วิเวกเป็นป่าเปลี่ยวท่านก็ได้พักภาวนาตามอัธยาศัยของท่าน
    ระยะหลังๆ ท่านได้ไปอยู่ร่วมปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์แหวน
    ตามวัดป่าต่างๆ ๑ พรรษาบ้าง ๒ พรรษาบ้าง
    แม้เมื่อท่านพระอาจารย์แหวนย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่ฯ ก็ไปมาคารวะท่านพระอาจารย์อยู่เสมอๆ
    และสมัยหนึ่งที่หลวงปู่ฯ ท่านกำลังหนีคนไปสร้างวัดใหม่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดเดิม
    ซึ่งเริ่มไม่สงบ ท่านเรียกว่า “วัดป่าดอนมูล” ลูกศิษย์ท่านเคยท้วงติง
    โดยถามท่านว่า ด้านหลังวัดอยู่ติดลำห้วย มีป่าโปร่งๆ อยู่นิดหน่อยกระหรอมกระแหรม
    ไหงหลวงปู่ตั้งชื่อเสียน่ากลัวว่า วัดป่า
    ท่านว่าป่าที่เอาเป็นชื่อวัดนั้น ไม่ได้หมายความตามอย่างที่ลูกศิษย์ท่านเข้าใจ
    ท่านหมายถึงป่าช้าต่างหาก เพราะเดิมที่ตรงนั้นเป็นป่าช้า
    เป็นอันว่าที่ท่านตั้งชื่อว่า “ป่า” ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความขลังให้กับสถานที่
    แต่เพราะเดิมมันเป็นป่าช้า ได้ตัดคำว่า “ช้า” ออกไปเพราะเกรงว่ามันจะน่ากลัวเกินไปต่างหาก
    หลวงปู่ครูบาคำแสนน้อย มรณภาพ
    เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ เวลา ๑๐.๑๒ น.
    สิริรวมอายุได้ ๘๖ ปี พรรษา ๖๔
    เกร็ดประวัติหลวงปู่คำแสน คุณาลังกาโร
    .........................
    องค์นี้ภายหลังหลวงพ่อฯ ของเราเปิดเผยว่า เคยเป็นพี่ชายของท่านมาหลายชาติแล้ว ท่านเป็นคนใจบุญ ได้ทรัพย์ได้สมบัติมาเท่าใดก็ไม่สะสม เทออกทำบุญจนหมดสิ้น ทำบุญจนหมดตัวเหมือนกับท่านมหาทุกขตะยังไงยังงั้น แต่จริงๆแล้วสมัยเดิมโน้น...โน้น...โน้น ท่านเคยมีชื่อว่า “ท่านทุกขิตะ หรือ ท่านทุพภิกขะ”
    เพราะฉะนั้นเมื่อประสบพบกัน ทั้งสององค์ก็คุยกันกระหนุงกระหนิง แต่โน่นแน่ะเป็นเรื่องราวสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช มีโต้มีเถียงกันกระจุ๋มกระจิ๋มบ้างเรื่องยุทธการสมัยนั้น (แล้วพวกผมจะไปรู้เรื่องเรอะ..!)
    ตอนที่กำลังคุยรู้เรื่องกันเพียง ๒ องค์ ต่างองค์ก็แสดงทัศนะในเรื่องรายละเอียดของมหายุทธวิธีในยุคที่ว่านั้น หลวงปู่ว่าถ้าหลวงพ่อเชื่อท่าน ทำตามที่ท่านคิด เหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้ หลวงพ่อฯก็ว่าท่านมีเหตุผลที่ดีกว่านั้น ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นไปอย่างโน้น เฮ้อ ดีครับดี รู้เรื่องกันเพียง ๒ องค์ ตาเถรเณรยายชีไม่มีใครรู้เรื่อง บางตอนหลวงพ่อฯ ท่านก็หันมาถามท่าน พล.อ.ท. ม.ร.ว. เสริม ศุขสวัสดิ์ ที่พวกเรามักจะเรียกท่านว่า "ท่านเจ้ากรมเสริม" หรือ "ลุงเสริม" นั่นแหละ
    (ท่านที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จะไม่มีวันทราบเลยว่าท่านเป็นนายทหารใหญ่ครองยศถึงพลอากาศโท และเป็นเชื้อพระวงศ์ถึงหม่อมราชวงศ์ เพราะท่านวางตัวเป็นกันเอง มีเมตตาต่อพวกเราทุกคนเหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่ถือเนื้อถือตัว ให้เกียรติและยกย่องผู้อื่น ยิ่งท่านทำตัวเป็นกันเองกับพวกเราเท่าใด พวกเราก็ยิ่งให้ความเคารพท่านมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งท่านทำตัวเล็กลงเท่าใด ก็ดูเหมือนตัวท่านจะยิ่งโตใหญ่ขึ้นๆ เป็นทวีคูณ ท่านผู้นี้หลวงพ่อฯ ว่าเป็นเพื่อนเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านมาทุกยุคทุกสมัย)
    สมัยนั้นหลวงปู่ฯ ท่านกำลังหนีคนไปสร้างวัดใหม่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดเดิมซึ่งเริ่มไม่สงบ ท่านเรียกว่า “วัดป่าดอนมูล” ผมเคยท้วงติงโดยถามท่านว่าด้านหลังวัดอยู่ติดลำห้วย มีป่าโปร่งๆ อยู่นิดหน่อยกระหรอมกระแหรม ไหงหลวงปู่ตั้งชื่อเสียน่ากลัวว่า "วัดป่า"
    ท่านว่าป่าที่เอาเป็นชื่อวัดนั้นไม่ได้หมายความตามอย่างที่ผมเข้าใจ ท่านหมายถึงป่าช้าต่างหาก เพราะเดิมที่ตรงนั้นเป็นป่าช้า ไอ๊หยา! เป็นอันว่าที่ท่านตั้งชื่อว่า “ป่า” ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความขลังให้กับสถานที่ แต่เพราะเดิมมันเป็นป่าช้า ได้ตัดคำว่า “ช้า” ออกไปเพราะเกรงว่ามันจะน่ากลัวเกินไปต่างหาก พอรู้แล้วผมก็หมดกังขาว่าเวลาวิกาล หลวงปู่ฯจะต้องได้ความสงบวิเวกอย่างเต็มที่เพราะท่านเข้าไปจำวัดอยู่ในป่าช้า คงไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนหรอกครับ บรื๊อ...!
    และแล้ววันหนึ่งกรรมของผมก็มาถึง จำไม่ได้ว่าหลวงพ่อใช้ให้ไปหาเรื่องอะไร ก็ไปกันหลายคนกับรุ่นน้องๆ นี่ละครับ สมัยนั้นกำลังหนุ่มแน่น (ผมนะหนุ่มใหญ่ แต่น้องๆ เพิ่งจะสอนขัน แต่เพราะเพิ่งจะสอนขันก็เลยอยากจะขันบ่อยๆ)
    ดังนั้นแทนที่พวกเราจะรีบไปทำธุระให้หลวงพ่อ เจ้าลิงพวกนี้ก็เลยแวะโน่นแวะนี่ (ไม่เห็นเจ้าเห็นหลังคาบ้านเจ้าก็ชื่นใจแท้) เที่ยวกันจนดึกดื่น พอเลี้ยวควับเข้าเข้าไปที่วัดนอก (วัดดอนมูล) กะนอนที่วัดนอก ตายแล้วหลวงพี่ที่เราคุ้นเคยก็ไม่อยู่ หลวงปู่ก็ไปจำวัดอยู่ที่วัดป่า (ก็ที่ป่าช้านั่นแหละคุณ..!)
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลทุกๆที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญลูกเสือชาวบ้านกะไหล่ทอง หลวงปู่คำแสนวัดป่าดอนมูล ๒๕๒๐

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250704_200500.jpg IMG_20250704_200539.jpg
     
  3. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,184
    ค่าพลัง:
    +1,220
    จอง พระพุทธสิหิงยอดธง พรหมรังษี ปี ๒๕๑๒ วัดพรหมรังษี กรุงเทพ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751233521602.jpg

    เหรียญพระปางซ่อนหา พระเหนือพรหม วัดจันทรารามวรวิหาร วัดกลาง ตลาดพลู กรุงเทพมหานคร ปปี๒๕๒๐ เนื้อทองแดง หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี ปลุกเสก
    พระพุทธรูปปางนี้มาจากเรื่องราวพระพุทธเจ้ากับผกาพรหม ผกาพรหมนี้มีทิฐิว่ากูเก่งที่สุดเลย กูเป็นสยมภู เกิดก่อนคนอื่น ไม่มีใครมีความรู้ดีเท่าเรา
    พระพุทธเจ้าก็ไปทรมานพรหมนี้ ก็ไปท้ากันว่า ผลัดกันเล่นซ่อนหา
    พระพุทธเจ้าบอกให้พรหมไปซ่อนก่อน
    พรหมจะไปซ่อนอยู่ในโลกไหน พระพุทธเจ้ารู้หมดเลย ตามได้หมด
    พอถึงเวลาที่พระพุทธเจ้าซ่อน พระพุทธเจ้าไปซ่อนอยู่บนเศียรของพรหม
    พรหมดูเท่าไรๆ ก็หาพระพุทธเจ้าไม่เจอ
    มันแปลว่าอะไร?

    ถ้ามัวแต่ดูที่อื่น ก็จะหาพุทธะไม่เจอ
    คือพรหมส่งจิตออกนอก เที่ยวไปดูที่โน่น ดูที่นี่ ดูที่โน่น ไม่เคยย้อนมาดูตัวเอง
    เมื่อไม่ย้อนมาดูตัวเอง จะไม่เห็นพุทธะ
    ถ้าย้อนมาดูตัวเอง ถึงจะเห็นพุทธะ
    ถ้าเราดูพระเหนือพรหมเป็น เราจะรู้เลย เป็นคำสอนอันหนึ่ง สอนให้ดูตัวเอง
    ถ้ามัวแต่ดูที่อื่น ก็จะหาพุทธะไม่เจอ หาจิตที่หลุดพ้นไม่เจอ
    เพราะฉะนั้น การที่จิตใจเราอยู่กับเนื้อกับตัวเรื่องสำคัญ
    ย้อนมาดูตัวเองบ่อยๆ ถ้าไม่ดูตัวเอง ไม่มีทางจะบรรลุมรรคผลเลย
    จะไปรู้ทั้ง 3 โลก ก็ไม่เห็นพุทธะ เหมือนพรหมมองไปทั้ง 3 โลกเลย
    ทั้งนรก-สวรรค์อะไร ดูไล่ไปหมด 31 ภูมิ หาพระพุทธเจ้าไม่เจอ เพราะมัวแต่ดูออกข้างนอกไม่ได้ดูตัวเอง
    ทีนี้ถ้าเราอยากค้นพบพุทธะในตัวของเราเอง ก็ให้จิตใจอยู่กับตัวเอง
    คอยเรียนรู้กายเรียนรู้ใจ สิ่งที่เรียกว่าตัวเราก็มีกายกับใจ คือรูปกับนามเท่านี้เอง
    เพราะอย่างนั้น พยายามรู้สึกตัว อย่าใจล่องลอยไป
    ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250704_200632.jpg IMG_20250704_200704.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751639994874.jpg FB_IMG_1751640053155.jpg

    พระปิดตาจัมโบ้ เนื้อผงพุทธคุณ หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง ออกเป็นที่ระลึกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ปี พ.ศ.๒๕๕๘ หลวงพ่อสินท่านเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รวมทั้งยังเป็นศิษย์ของหลวงปู่เพ่ง วัดละหารใหญ่ และหลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก วัตถุมงคลของท่านทำตามครูบาอาจารย์ เน้นมวลสาร และปลุกเสกตามหลักที่ท่านได้รับถ่ายทอดมา
    "พระครูสุภัททาจารคุณ" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกขานว่า "หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร" ด้วยเป็นนามที่คุ้นเคยต่อการเรียกขานของบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้ใกล้ชิดที่เลื่อมใสศรัทธาต่อท่าน
    หลวงพ่อสิน เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัด มีจิตที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและคุณธรรม เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและสาธุชนโดยทั่วไป
    ชื่อเสียงของท่าน เป็นที่รับรู้กันทั่วเมืองระยองถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคล ที่สามารถพลิกผันสถานการณ์อันเลวร้าย ให้กลับกลายเป็นดีได้อย่างน่าอัศจรรย์
    หลวงพ่อสิน เป็นพระเกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก เป็นศิษย์สืบสายธรรมของหลวงปู่เพ่ง สาสโน อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ และหลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก
    ปัจจุบัน หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร สิริอายุ 82 ปี พรรษา 59 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า สิน สุขมาก เกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2471 ปีมะโรง ณ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเซี้ย และนางจัน สุขมาก ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
    ชีวิตในวัยเด็ก เป็นคนที่เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดกับเด็กอื่นวัยเดียวกัน ที่วันๆ เอาแต่วิ่งเล่นสนุกสนาน
    กระทั่งอายุย่าง 20 ปี ได้เข้าเกณฑ์ทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี ก่อนปลดประจำการ
    ครั้นเมื่ออายุ 24 ปี ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2494 เวลา 15.30 น. ณ อุโบสถวัดละหารไร่ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยมีพระครู วิจิตรธรรมานุวัต (หลวงพ่อรัตน์) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเพ่ง สาสโน เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระครูเกลี้ยง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สังกัดมหานิกาย ได้รับฉายา ภัททาจาโร
    วัดละหารใหญ่ มีพื้นที่ตั้งวัดอยู่ใกล้กับวัดละหารไร่ ดังนั้นจึงมีโอกาสได้ไปกราบนมัสการและรับใช้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เจ้าตำรับพระขุนแผนพรายกุมาร อยู่เสมอในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ พร้อมทั้งได้ร่ำเรียนวิทยาคมไปด้วย
    อีกทั้งท่านยังได้ร่ำเรียนวิทยาคมโดยตรงจากหลวงปู่เพ่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่และหลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เจ้าตำรับแพะเมตตาอันลือลั่นแห่งเมืองระยอง
    หลวงพ่อสิน เป็นพระที่ใฝ่รู้ศึกษาค้นคว้าทางพระเวทวิทยาคมด้านต่างๆ ท่านได้ศึกษาอยู่กับหลวงปู่เพ่ง ศึกษาวิทยาคมพื้นฐาน ศึกษาวิชาสร้างแพะมหาเสน่ห์และโชคลาภ และศึกษาวิชาสร้างหนุมาน, ขุนแผน, ชูชก ฯลฯ
    ในครั้งนี้ท่านได้พบกับสหธรรมิกคนสำคัญท่านหนึ่ง คือ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง ในฐานะเป็นศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เหมือนกัน
    หลวงพ่อสิน ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อปี พ.ศ.2542 และต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูสุภัททาจารคุณ
    หลวงพ่อสิน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่ยึดติดใน ลาภยศสรรเสริญใดๆ ท่านมักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า
    "คน เราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล 5 เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยากหรือขัดกับชีวิตประจำวัน เป็นเพราะตาใจของเรามันบอกแสงหรือเจ้ากรรมนายเวรมาบังจิตบังใจเรา"
    การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญ ไม่ได้จัดสร้างบ่อยนัก นานครั้งในวาระพิเศษ จึงจะมีการจัดสร้างสักครั้งหนึ่ง ท่านจะเน้นคำสอนให้ลูกศิษย์นำไปปฏิบัติมากกว่า แต่จะอนุญาตให้ศิษย์ใกล้ชิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้วัตถุมงคลของท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
    เช่น เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก หนุมานเนื้อโลหะ รุ่นแรก พิมพ์นั่งยองแบบหลวงปู่ทิม พระขุนแผนรุ่นแรก ปี"49 พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก และอื่นๆ เป็นต้น
    หลวงพ่อสิน เป็นพระสุปฏิปันโน เป็นพระแท้ ที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ชื่อเสียงของหลวงพ่อสินโด่งดังมานาน เป็นที่กล่าวขานในหมู่ศิษย์ชาวระยอง และภาคตะวันออกเป็นยิ่งนัก ถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ และจริยาวัตรของหลวงพ่อ ทำให้ท่านได้รับกิจนิมนต์ไปนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพื้นที่ภาคตะวันออกและ พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำคัญทั่วประเทศ
    สำหรับวิทยาคมของท่านที่มีประสบการณ์โดดเด่นที่สุด ได้แก่ วิชาสร้างหนุมานทหารเอกของพระราม วิชาแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม เป็นต้น
    หลวงพ่อสิน ปรารภว่า "วัตถุมงคลจะมีความเข้มขลังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ใครที่เชื่อหรือศรัทธาในวัตถุมงคลก็จะบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ทำให้บังเกิดความเชื่อมั่น สามารถประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีวัตถุมงคลยึดเหนี่ยว ด้วยทำให้มีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆ"
    "แต่วัตถุมงคลก็มีข้อเสีย คือ คนดีหรือคนชั่วก็สามารถนำไปใช้ได้เหมือนกัน อาจมีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ถ้านำติดตัวไปสร้างความเดือดร้อนหรือรังแกผู้อื่น ก็จะเกิดความเสียหายต่อสังคมได้"
    "คนที่มีวัตถุมงคลแต่ไม่หมั่นบูชา ก็ไม่เกิดผลใดๆ แม้จะแขวนพระมากมาย แต่ก็มีสิทธิ์ประสบหายนะได้ ถ้านำพระไปใช้ในทางที่ผิด ไปเบียดเบียนผู้อื่น แบบนี้พระท่านก็ไม่อยากคุ้มครอง"
    เมื่อหลวงพ่อสินเข้าสู่วัยชราแล้ว เป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ที่วัดละหารใหญ่ จนถึงปัจจุบัน
    กว่ากึ่งศตวรรษแห่งการครองสมณเพศ หลวงพ่อท่านได้สั่งสมประสบการณ์ รู้หนาวรู้ร้อน ผ่านกาลฝนมามาก มีประสบการณ์ทุกอย่าง
    เกียรติคุณของหลวงพ่อสิน เป็นที่รู้จักศรัทธาเลื่อมใส เป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ความชราไม่เป็นปัญหากับหลวงพ่อสิน ด้วยความเมตตาที่เปี่ยมล้น หากมีใบฎีกานิมนต์มาท่านไม่เคยปฏิเสธ
    บางครั้งลูกศิษย์ของท่านเองต้องขอร้อง เพราะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ
    แต่เชื่อมั่นได้เลยว่าวัตถุมงคลที่หลวงพ่อสินอธิษฐานจิตแล้วมีอิทธิคุณสูง ส่ง แคล้ว คลาดคงกระพันชาตรี มีโชคลาภและมากด้วยประสบการณ์ บางเรื่องไม่อาจเปิดเผยได้เพราะเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญ รู้กันดีในหมู่คณะศิษย์
    ณ วันนี้ หลวงพ่อสิน มีวัยกว่า 82 ปี แต่สุขภาพร่างกายของท่านยังคล่องแคล่วแข็งแรง
    เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมอันศักดิ์สิทธิ์พลังจิตของท่าน ทำให้ท่านได้รับการยกย่องว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีบารมีทางกระแสจิต แก่กล้า ระดับแนวหน้าของจังหวัดระยองอีกรูปหนึ่ง

    ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNRE13TURVMU13PT0=

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250704_200751.jpg IMG_20250704_200827.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    วันนี้ จัดส่ง

    1751645108324.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751685582325.jpg

    อันตรายของจิตนั้นมิได้เกิดจากบุคคล หรือจากสิ่งภายนอกมาทำร้ายคิดร้าย แต่เกิดจากภายในจิตใจเอง
    ราคะหรือโลภะ โทสะ โมหะ ทั้งหมดนี้ คืออันตรายของจิตที่เกิดขึ้น ภายในจิตเอง ดังนั้น การระวังรักษาจิตจึงมิใช่การระวังรักษามิให้ผู้ใด หรือสิ่งใดเข้าไปทำร้าย แต่เป็นการรักษาจิตเอง มิให้ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลส
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    สมเด็จพระญาณสังวร
    กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระลีลาทุ่งเศรษฐีปี๒๕๓๑
    พระผงเจ้าแม่กวนอิมปิดทอง ปี๒๕๓๕
    สมเด็จญาณสังวรพระสังฆราชวัดบวรเมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก ๒ องค์คู่

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250703_204019.jpg IMG_20250703_204102.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    วันนี้ จัดส่ง

    1751715977933.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751722345903.jpg

    พระผงรูปเหมือนพิมพ์จันทร์ลอย"รุ่นแรก"พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป เจ้าอาวาสวัดอรัญวิเวก จ.เชียงใหม่ ปี ๒๕๓๖ หายาก จัดสร้างพร้อมเหรียญรุ่นแรก เนื้อพระแก่ผงจัดทำให้พระส่วนใหญ่ชำรุดกระเทาะหน้าบ้างหลังบ้างหาองค์สวยๆยากเต็มทีครับ
    พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ได้ชื่อว่าเป็นพระป่ากรรมฐานที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง คำเทศนาและธรรมะของท่าน บางเรื่องได้ถูกรวบรวมพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือเพื่อแจกจ่ายเป็นทานแก่คนทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า หนังสือธรรมะของท่านบางเล่มได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนื่องจากเมื่ออ่านแล้วเป็นที่ถูกจริตกับพุทธศาสนิกชนส่วนมาก
    นอกจากนี้วัตถุมงคลที่ท่านได้เมตตาอธิฐานจิต ยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์
    ทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้ที่บูชา
    ซึ่งวัตถุมงคลท่านได้เมตตาสร้างไว้ไม่กี่รุ่น ในวาระต่างๆ แต่ละรุ่นไม่มากนัก
    พระอาจารย์เปลี่ยนคิดอยากจะบวชมาตั้งแต่อายุ ๑๒ ปี แต่มาบวชจริงเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ (อายุ ๒๕ ปี) ที่วัดธาตุมีชัย บ้านโคกดอน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร มีพระครูอดุลย์สังขกิจ เป็นอุปัชฌาย์ พระครูพิพิธธรรมสุนทร เป็นอนุสาวนาจารย์ และพระอาจารย์สุภาพ ธมฺมปญฺโญ เป็นผู้ฝึกหัดขานนาคให้ ต่อมาท่านสอบนักธรรมตรีได้ในพรรษาที่ ๓ หลังออกพรรษาในปีแรกแล้ว ท่านได้เริ่มออกธุดงค์ไปจังหวัดต่างๆ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม และได้พบกับพระอาจารย์ที่ได้ยินกิตติศัพท์ ทั้งภาคอีสาน ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่ที่พระอาจารย์เปลี่ยน อยู่ฝึกปฏิบัติธรรมด้วยนานๆ และรับใช้ใกล้ชิดอย่างสนิทสนมคือ หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ หลวงปู่เทสก์ เทสฺรงฺสี หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม และ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ส่วนองค์อื่นๆ เช่น อาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ครูบาอินทจักรรักษา อินฺทจกฺโก หลวงปู่สาม อกิญฺจโน พระอาจารย์วัน อุตฺตโม หลวงปู่แว่น ธนปาโล หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต ฯลฯ ที่ท่านได้พบนั้นต่าง มีเมตตาเทศน์อบรม ทำให้ท่านมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไปเป็นลำดับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250705_200630.jpg IMG_20250705_200713.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751723064991.jpg

    พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก
    พระปิดตามหาโภคทรัพย์ เนื้อผงผสมว่านเป็นพระปิดตารุ่นแรกที่พ่อท่านแปลกสร้างขึ้นจากเนื้อว่านทางโชคลาภมากมาย ผสมผงพุทธคุณทางเมตตา มหาเสน่ห์ สร้างน้อย ปัจจุบันหายากไม่ค่อยพบ
    พ่อท่านแปลก นั้นบุคลิกของท่านแปลก และพระเกจิอาจารย์สายเขา-อ้อ องค์นี้เก่งจริง แต่ไม่มีใครรู้จักท่านมากนัก ท่านท่านเป็นพระที่สมถะและเก็บตัว มักน้อย สันโดษ อยู่ที่วัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ทั้งวัดมีท่านอยู่เพียงองค์เดียวเรียบง่าย หนทางไปสุดแสนยาก ลูกศิษย์ที่ไปกราบท่าน ท่านจะมองดูลูกศิษย์ด้วยดวงตาแจ่มใส คนในพื้นที่และคนในจังหวัดตรัง จะรู้ถึงอภินิหาร มีสมาธิจิตอันแกร่งกล้า พุทธาคมก็ไม่เป็นสองรองใคร หลายต่อหลายครั้ง ที่ผู้คนประสบพบเจอในอภินิหารของท่านจนเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
    ท่านเดินท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแต่ไม่เปียกเลย
    เมื่อมีอายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ท่านได้ศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชา คาถา พระเวทย์ ไสยศาสตร์ และเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์ คาถาอาคม และไสยศาสตร์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ใฝ่ศึกษาวิชาต่างๆ และได้เรียนวิชากับครูบาอาจารย์มากมาย ได้พบอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ตั้งแต่บัดนั้น ได้เรียนวิชาการต่างๆ มามากมาย
    ประวัติพ่อท่านแปลก วัดปากปรน
    ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ ซึ่งเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวตรัง และชาวภาคใต้ แม้บางครั้งวัดที่จำวัดอยู่จะมีพ่อท่านอยู่เพียงแค่องค์เดียว เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลทุรกันดาร และผู้คนที่อาศัยอยู่รายรอบส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยมุสลิม แต่พ่อท่านก็ยังยืนหยัดครองผ้าเหลืองมาจนถึงเวลานี้ถึง 45 พรรษา ในวัย 77 ปี ด้วยความสมถะ วิเวก เรียบง่าย น่านับถือ พร้อมทั้งยังมีอภินิหาร และแก่กล้าพุทธาคมอย่างยิ่งยวด
    "พ่อท่านแปลก" หรือ "พระครูสุเวชโกศล" เจ้าอาวาสวัดปากปรน อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง เกิดที่บ้านร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2478 โยมบิดาชื่อ "ปาน ชูเท้า" โยมมารดาชื่อ "คุ้ม ชูเท้า" เมื่อวัยเยาว์ได้ช่วยทางบ้านประกอบอาชีพทำนา จนมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เพื่อศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ด้วย จึงเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์ และคาถาอาคมต่างๆ กระทั่งเมื่อไปพบ "หลวงพ่อปาน ปาลธัมโม" วัดเขาอ้อ จึงได้เรียนวิชาการต่างๆ อย่างมากมาย
    เมื่อออกพรรษา ทางบ้านได้ให้ให้ลาสิกขามาช่วยทำนาต่อไป จึงต้องสละเพศบรรพชิตทั้งที่จิตใจฝักใฝ่จะอยู่ต่อ แต่ก็ยังไปแสวงหาอาจารย์เรียนรู้วิชาทางไสยศาสตร์อยู่เสมอ จนพบกับ "พระอาจารย์นำ ชินวโร" แห่งวัดดอนศาลา จึงได้รับการชี้แนะแนวทางเวทมนต์และวิทยาคมมากมาย แม้ต่อมาพ่อท่านจะมีครอบครัว แต่เมื่ออายุ 33 ปี ได้เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก เพราะมีจิตใจใคร่ทางธรรมอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2510 ณ วัดควนขี้แรด จังหวัดพัทลุง โดยมี "พระครูมุทิตานุรักษ์" วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ "พระครูนิเทศน์ธรรมวินัย" วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ "พระมหาผัน" วัดโคกโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า "ปุสฺสเทโว"
    ทั้งนี้ หลังจากจำวัดได้ 1 พรรษา พ่อท่านได้ขอย้ายไปอยู่ที่วัดดอนปรัง วัดควนโตนด และวัดบางขัน จังหวัดพัทลุง เพื่อค้นคว้าเรียนวิชาสายเขาอ้อกับ "หลวงพ่อปาน" อีกครั้งหนึ่ง จนเกิดความชำนาญและสามารถปฏิบัติได้เห็นจริง จึงออกธุดงค์เพื่อหาความสงบวิเวกภายในป่า บนเทือกเขาบรรทัด รอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง กับพัทลุง เพื่อฝึกจิตให้กล้าแข็ง จนถึง พ.ศ.2512
    หลังจากนั้น พ่อท่านจึงออกธุดงค์อีกครั้ง มาจนถึงวัดปากปรน จังหวัดตรัง โดยพบว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่ มีเพียงกุฏิเก่าๆ และศาลาผุพัง กับป่ารกทึบ ในยุคสมัยที่ยังมีวัดเพียงแค่แห่งเดียวในอำเภอ ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาอิสลาม พ่อท่านจึงได้จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดแห่งนี้เพียงองค์เดียว โดยระหว่างนั้น เริ่มมีชาวบ้านผ่านมาเข้าไปกราบนมัสการ และเริ่มรู้จักมากขึ้น เพราะพ่อท่านได้นำตำรารักษาโรคและตำรับเวทมนต์ จากถ้ำวัดในเขา จังหวัดพัทลุง มาช่วยรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน"พ่อท่านแปลก" ได้รับการกล่าวขานในเวลาต่อมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะวิชาคาถาอาคมและไสยศาสตร์ที่ได้ร่ำเรียนมาจากสำนักเขาอ้อ ที่ก่อให้เกิดความอัศจรรย์ขึ้นหลายต่อหลายครั้ง เช่น หลายคราวที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่กลับไปถูกจีวรของพ่อท่านเลยแม้แต่เม็ดเดียว อันเนื่องมาจากตะกรุดและคาถา "ฝนแสนห่า" ที่ส่งผลให้มีพุทธคุณปกป้องคุ้มครองกาย หรือแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง แต่หากไม่ฝึกปฏิบัติทางจิตอย่างจริงๆ จังๆ จนเข้มแข็งแล้ว ก็จะไม่สามารถทำได้ตามตำรา
    นอกจากนั้น ยังมีการพูดถึงคาถา "อาบน้ำในกา" ซึ่งเป็นวิชาช่วยย่นหนทางและย่อกาย จนทำให้พ่อท่านสามารถสรงน้ำได้ โดยไม่ต้องลุกขึ้นไปห้องน้ำ หรือไม่ต้องสรงน้ำเป็นเวลานานๆ ได้ โดยที่ไม่มีกลิ่นกาย แต่ผิวพรรณ ราศรี ยังผ่องใส เปล่งปลั่ง ดูสะอาด รวมทั้งคาถา "ปืนยิงไม่ออก" ที่เลื่องลือมานานแล้ว แต่ไม่ว่าเรื่องราวของพ่อท่านจะโด่งดังมากมายขนาดไหน พระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปนี้ ยังคงถือสันโดษและปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณา "อสุภะกรรมฐาน" อยู่เป็นเนืองนิตย์ พร้อมทั้งยังมีกระแสจิตแก่กล้า แต่มีความเมตตาเป็นเลิศ
    อย่างไรก็ตาม หนึ่งในเรื่องราวสำคัญของจังหวัดตรัง ที่เกิดขึ้นเมื่อเทศกาลสงกรานต์ ปี 2550 หรือเมื่อ 7 ปีที่แล้วก็คือ เหตุการณ์น้ำป่าถล่มน้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกไพรสวรรค์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 38 ศพ เพียงแต่รายสุดท้ายที่เป็นหญิงสาววัย 31 ปี ชาวตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง นั้น ไม่สามารถพบร่างได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังค้นหาต่อเนื่องกันมาหลายวัน และเป็นระยะทางยาวไกลนับสิบๆ กิโลเมตร แต่หลังจากที่มีการนิมนต์ "พ่อท่านแปลก" ไปทำพิธีบูชาเจ้าป่าเจ้าเขา เพียงแค่ฮึดใจ ก็สามารถค้นพบศพของหญิงสาวเคราะห์ร้าย ในพื้นที่ตำบลโพรงจรเข้ อำเภอย่านตาขาว โดยอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
    ขณะที่วัตถุมงคลที่พ่อท่านได้ปลุกเสกเอาไว้หลายต่อหลายรุ่น เพื่อนำเงินมาก่อสร้างศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดปากปรนนั้น ผู้ที่ได้ไปต่างก็มีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์อย่างมากมาย โดยเหรียญรุ่นแรก ที่สร้างเมื่อ พ.ศ.2538 เป็นเหรียญทองแดงรมน้ำตาลรูปไข่ ต่อจากนั้น ก็ยังมีการสร้างล็อกเกตรูปพ่อท่าน รวมทั้งรูปหล่อเนื้อเซลลิก้าผสมผง หน้าตัก 5 นิ้ว รูปหล่อเนื้อทองเหลือง หน้าตัก 2 นิ้ว แหวนพิรอด สายคาดเอว และผ้ายันต์ โดยวัตถุมงคลรุ่นล่าสุดนั้น เป็นรูปเหมือนพิมพ์เตารีด เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองแดง ที่สร้างขึ้นเพื่อก่อตั้ง "มูลนิธิดุษฎีบุญ เพื่อการศึกษา" ซึ่งมีพ่อท่านเป็นประธานอุปถัมภ์
    นอกจากนั้น พ่อท่านยังได้รับการนิมนต์ไปร่วมปลุกเสก "จตุคามรามเทพ" รุ่นแรก ของ "ขุนพันธ์" หรือ "พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช" มือปราบผู้โด่งดัง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งยังได้เดินทางไปร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอีกมากมาย ทั้งในภาคใต้ และทั่วทั้งประเทศ เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 รุ่น แต่ถึงแม้เวลานี้กระแสพระเครื่อง โดยเฉพาะ "จตุคามรามเทพ" จะเบาบางลงไปมาก แต่ที่วัดของพ่อท่านซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองตรังไปกว่า 60 กิโลเมตร กลับยังคงมีผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศเดินไปกราบนมัสการไม่เคยขาด และพ่อท่านก็ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มอันมีไมตรีจิต ไม่ว่าผู้นั้นจะมีหน้าที่การงานหรือมีฐานะอย่างไร
    ถือเป็นอีกสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่น่านับถือยิ่ง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตารุ่นแรกพ่อท่านแปลกปากปรน

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250705_200853.jpg IMG_20250705_200935.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2025 at 21:04
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    1751724828702.jpg

    พระสังกัจจายน์สิริมหากาฬ พระอาจารย์นก วัดเขาบังเหย จ.ชัยภูมิ ผสมว่านสิริมหากาฬ สภาพสวย มวลสารสุดยอด พุทธคุณโชคลาภ ค้าขายเป็นเลิศ พระอาจารย์เฉลิมชัย ฐิตตธมโม หรือพระอาจารย์นก ฐิตตธมโม แห่งวัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม หมู่บ้านซับมงคล ต.โป่งนก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เป็นพระสายปฏิบัติศิษย์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ แห่งดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ท่านบวชเณรมาจาก จ.ชัยภูมิ ไปอยู่ปรนนิบัติหลวงปู่แหวน สุจิณโน ที่เชียงใหม่ ก่อนที่หลวงปู่จะละสังขาร วิชาและความรู้หลวงปู่แหวนได้เมตตาถ่ายทอดให้พระอาจารย์นก เป็นอย่างมาก
    หลังจากหลวงปู่แหวนละสังขาร มีการพระราชทานเพลิงศพแล้ว พระอาจารย์นกได้ธุดงค์เดินทางด้วยเท้ารอนแรมอยู่ในป่าทางภาคเหนือเพื่อทบทวนวิชาและความรู้ที่เล่าเรียนมา เมื่อเดินทางมาถึงเขาบังเหย บริเวณตำบลโปร่งนก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน ท่านเห็นว่าอาณาบริเวณนี้เป็นป่าที่สามารถฟื้นฟูเป็นป่าธรรมชาติได้ เป็นสถานที่สงบเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญสติ ตามแนวทางที่ครูบาอาจารย์ที่ท่านศึกษาเล่าเรียนมา
    พระอาจารย์นกบอกว่า “วัตถุมงคลแม้ว่าจะขึ้นชื่อว่ามีพุทธคุณสูง แต่ไม่มีวัตถุมงคลชนิดใดในโลกกันตายได้แต่ช่วยเหลือไม่ให้ได้ตาย และไม่ได้หมายความว่าวัตถุมงคลชนิดเดียวกันจะช่วยเหลือคนได้ทุกคนเหมือนกัน หากต้องขึ้นอยู่กับความศรัทธาด้วย เมื่อมีศรัทธาปฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้ เมื่อไร้ศรัทธาก็ไร้ปาฏิหาริย์ ไม่ว่าโจรหรือตำรวจหากมีศรัทธาปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ต่างกัน”
    เมื่อถามว่า “การสร้างวัตถุมงคลเป็นเปลือกของพุทธศาสนาทำให้คนติดและหลงใหลในวัตถุมงคล” ทั้งนี้พระอาจารย์นกได้ตอบคำถามไว้อย่างน่าคิดว่า “ทุกอย่างมีเปลือก ต้นไม้อยู่ได้เพราะเปลือกที่คอยปกป้องเลี้ยงกระพี้และแก่นให้เจริญเติบโต ศาสนาก็มีเปลือกที่คอยปกป้องอุ้มชูเลี่ยงกระพี้และแก่น ถ้าศาสนามีแต่แก่นทุกคนมุ่งแต่หลุดพ้นอย่างเดียววันนี้คงไม่มีพุทธศาสนาแล้ว เพราะถ้าคนไม่ทำทานไม่ทำบุญซึ่งถือว่าเป็นเปลือกของศาสนา แล้วจะมีการสร้างศาสนสถานอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าพุทธศาสนาไม่มีเปลือกพระเณรก็จะอยู่ไม่ได้”
    อย่างไรก็ตามแม้ว่าพระอาจารย์นกจะเป็นหัวแรงสำคัญในการนำศรัทธาญาติโยมและลูกศิษย์ในการสร้างวัดเขาบังเหย แต่ท่านไม่ได้เป็นและรับตำแหน่งเจ้าอาวาส พระที่เป็นเจ้าอาวาสชื่อ “พระครูไพบูลย์ธรรมกิจ” ซึ่งมีชื่อเสียงมาก ญาติโยมในพื้นที่แถบนี้ไม่น้อยกว่า 3 อำเภอ พากันหลั่งไหลไปกราบ กอปรกับวัดนี้มีพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นพระหมอยา มีความสามารถ “ผสมยา” ในป่า ต้มให้ญาติโยมอาบ อบ รักษาโรคฟรี ไม่ต้องใช้เงินบูชาเอายาใด ๆ คนป่วยส่วนใหญ่หายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท
    ครับ

    IMG_20250705_200743.jpg IMG_20250705_200809.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751726587498.jpg FB_IMG_1751726589879.jpg
    พระครูพินิจยติกรรม (หลวงปู่แจ้ง)
    วัดใหม่สุนทร อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
    พระครูพินิจยติกรรม (หลวงปู่แจ้ง) ฉินฺนมนฺโท เจ้าอาวาสวัดใหม่สุนทร อ.โนนสูง นครราชสีมา พระสงฆ์สันโดษ มักน้อย ศิษย์รักหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้มีพรรษาสูงที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอกิตติมศักดิ์ อ.โนนสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงส่งของทางคณะสงฆ์ ในจังหวัดนครราชสีมา
    หลวงปู่แจ้งเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๓๙ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านขาม ต.ขามสะแกแสง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา บิดามารดาชื่อนายอ้าย นางขาว ดวงกลาง มีพี่น้องรวม ๙ คน หลวงปู่เป็นบุตรคนสุดท้อง เป็นเด็กที่มีนิสัยดี เรียนเก่ง เป็นที่ชื่นชมของครูอาจารย์ทั้งพระ และครูฆราวาส บิดามารดาประกอบอาชีพทำนาเมื่ออายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านขาม มีหลวงปู่ทองวัดบ้านขามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ พระอาจารย์จันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระคู่สวด ท่านได้มาศึกษาต่อที่วัดบึงร่วมกับสมเด็จพุฒจารย์ (อาส อาสภมหาเถร) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และหลวงปู่เขียว วัดบึง เรียนปฏิบัติธรรมและเจริญ วิปัสสนากรรมฐาน หลังจากนั้นได้มาจำพรรษาที่วัดบูรพ์ วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ วัดมหาธาตุ และวัดปากน้ำ เพื่อศึกษาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    ท่านหลวงปู่ได้ศึกาเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อ ณ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๕ โดยมีอาจารย์พระภาวนาโกศล (สมณศักดิ์ในสมัยนั้น) หรือเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในนาม “หลวงพ่อสด” วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้แนะนำอย่างใกล้ชิด หลวงปู่ตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐานอย่างไม่ย่อท้อเป็นเวลานาน
    ในวันหนึ่งหลังจากหลวงพ่อออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน (สมาธิ) หลวงพ่อสดท่านถามเป็นประโยคแรกว่า “ท่านพระครูสงบหรือยัง” หลวงปู่ก็ตอบตามที่ท่านสงบใจได้ว่า “ผมสงบแล้ว สงบแล้ว” หลวงพ่อสดท่านแสดงอาการพอใจในตัวหลวงปู่ที่มีความเพียรพยามยามเป็นอย่างสูงในการปฏิบัติเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนสำเร็จธรรมกาย หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญเคยกล่าวชมหลวงปู่ทั้งต่อหน้าและลับหลังว่า “พระครูองค์นี้ท่านได้ธรรมกายแล้ว ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ก็ขลัง” และได้เคยพูดกับโยมว่า “พระครูองค์นี้แทนฉันได้” เวลาสวดกล่าวชุมนุมเทวดา หลวงพ่อสดมักให้หลวงปู่แจ้งช่วยสวด ท่านว่าให้พระครูสวด พระครูได้ธรรมกายแล้วเทวดาได้ยิน
    หลวงปู่แจ้งได้กราบลาท่านหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กลับมาที่จังหวัดนครราชสีมาและสอนปฏิบัติเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้หลวงปู่อายุ ๙๔ ปี ท่านเปลี่ยนล้นไปด้วยเมตตา ผู้ที่มีโอกาสได้ไปกราบนมัสการท่านหลวงปู่แล้ว มักจะปลื้มปิติอย่างน่าอัศจรรย์และเมื่อรับวัตถุมงคลจากท่าน ท่านชอบพูดว่าจะไปช่วยเหลือเมื่อยามคับขัน ขอให้ทุกคนปลอดภัยและโชคดี
    วัตถุมงคลหลวงปู่แจ้งมีหลายรุ่น อาทิ
    ๑. ล๊อกเก็ต “หลวงพ่อแจ้ง” พ.ศ.๒๔๙๙
    ๒. เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๐
    ๓. เหรียญรุ่น ๒ (มีเลข ๑ ที่พื้นเหรียญ เหนือไหล่ขวา) พ.ศ.๒๕๐๓
    ๔. เหรียญรุ่น ครบรอบ ๙๐ ปี พ.ศ.๒๕๓๐
    ๕. รูปหล่อรุ่นแรก (อายุ ๙๑ปี) พ.ศ.๒๕๓๑
    ๖. รูปหล่อรุ่น ๒ (รุ่นอัยการ) พ.ศ.๒๕๓๒ เนื้อทองคำ ๕๐ องค์ เนื้อเงิน ๑๒๕ องค์ และเนื้อนวโลหะ ๕๒๕ ปลุกเสกเมื่อ ๕ ธ.ค.๓๒ มีโค๊ตตีกลับหัวเนื้อเงิน ๒ องค์
    ๗. เหรียญฉีดนาคปรก พ.ศ.๒๕๓๓ มีเนื้อทอง เงิน นาค และนวโลหะ
    อนึ่ง ในคราวเกิดสงครามอินโดจีน พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงปู่แจ้งได้ร่วมกับเกจิอาจารย์ที่สำคัญหลายรูปปลุกเสกพระเนื้อดินผสมผงว่านและคลุกรัก เรียกว่า “พระกลีบบัว วัดบูรพ์” แจกทหารที่ไปสงครามมีพุทธคุณโด่งดั่งทางอยู่ยงคงกระพันจนเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ทหารและบุคคลทั่วไปเป็นอันมาก
    มรณภาพ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจากที่หลวงปู่ไปกรุงเทพ เพื่อรับพระราชทานพัดยศพระราชาคณะชั้นสามัญยก หลวงปู่ก็มีอาการของไข้ เป็น ๆ หาย ๆ หลวงปู่ยังบอกเป็นลางสังหรณ์ไว้ว่า มีเกิด ก็มีตาย มียศ ก็เสื่อมยศ มีลาภ ก็เสื่อมลาภ จนในที่สุดอาการป่วยก็ไม่หาย ลูกศิษย์นำส่งโรงพยาบาลมหาราช พักรักษาตัวตั้งแต่วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ จนเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๐๑.๒๐ น. หลวงปู่ได้ละสังขารโดยสงบ รวมสิริอายุได้ ๙๕ ปี ๙ เดือน ๒๑ วัน พรรษา ๖๗ นับเป็นพระเถระที่มีพรรษากาลมากที่สุดในขณะนั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระของขวัญ พิมพ์ปากน้ำ
    หลวงปู่แจ้ง วัดใหม่สุนทร

    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250705_201020.jpg IMG_20250705_201101.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,350
    ค่าพลัง:
    +21,398
    FB_IMG_1751727781578.jpg

    หลวงปู่ดูดวงให้ฟรีทุกคนโดยเน้นหลักธรรม ตามที่ลูกศิษย์ประสบกันเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าหลวงปู่ดูแม่น ... มีครั้งหนึ่ง มีอาแป๊ะคนหนึ่ง อาชีพ ค้าขายอยู่ที่หน้าศาลพระกาฬ ลพบุรี ขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาตอนเช้า พร้อมกับขอโชคขอลาภ หลวงปู่ถามถึงวันเดือนปีเกิดสักพัก ก็บอกว่า เอ็งไม่มีดวงทางโชคลาภหรอก ตอนนี้แทงอย่างไรก็ไม่ถูก เก็บเงินไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียดีกว่า อาแป๊ะตอบว่า ไม่เป็นไรหรอกหลวงปู่ ลองดู ขอสักสองตัวเถอะ เดี๋ยวตอนบ่ายหวยจะออกแล้ว ผมจะลองไปแทงสักหน่อย หลวงปู่ย้ำอีกว่า เอ็งไม่มีดวง แล้วจะแทงถูกอย่างไร อย่าแทงเลย อาแป๊ะไม่ฟัง ขอลูกเดียว หลวงปู่รำคาญ ก็เลยบอกเล่น ๆ ให้ไป อาแป๊ะดีใจใหญ่ ลงจากเขาทันที ขณะกลับบ้านพอดีเจอเพื่อนที่ตีนเขา เลยชวนกันไปกินข้าวที่บ้านเพื่อน คุยกันจนบ่าย นึกได้ว่ายังไม่ได้แทงหวย จึงรีบไปซื้อหวย แต่ไม่ทันเวลา เขาเลิกขายหมดแล้ว
    พอดีหวยออก เลขตรงตามที่หลวงปู่ให้ อาแป๊ะแทบลมใส่ เสียใจที่ไม่ได้ซื้อ อีกสองวันต่อมา อาแป๊ะขึ้นมากราบหลวงปู่บนเขาอีก ต่อว่าหลวงปู่ว่า ไม่น่าบอกว่าไม่ถูกเลย เลยไม่ได้ด่วนซื้อ เสียดายจัง หลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า ก็กูบอกแล้วมึงก็ไม่เชื่อ อาแป๊ะเลยของวดต่อไปอีก หลวงปู่หัวเราะ ว่ามึงขนาดนี้ มึงยังไม่เชื่อกูอีกเรอะ อาแป๊ะเลยไม่กล้าขออีก หลวงปู่สอนว่า มึงดวงยังไม่มีโชค หมั่นทำบุญทำกุศลความดีไว้เถอะ เดี๋ยวความดีจะช่วยมึงเอง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น หนีไม่พ้นหรอก จะเร็วหรือช้าก็ต้องได้แน่นอน มึงไม่เชื่อกูก็ไม่เป็นไร แต่มึงเชื่อพระพุทธเจ้าเถอะ พระพุทธเจ้าท่านไม่โกหกใครหรอก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระพรหมรุ่งเรืองหลวงปู่เรือง ปลุกเสกไตรมาสปี๒๕๔๗

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250705_202257.jpg IMG_20250705_202325.jpg IMG_20250705_202223.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...