และนี่คือเรื่องราวโดยรวม กับภาระกิจยกระดับพลังงานของโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Lazaza, 11 กรกฎาคม 2025 at 21:09.

  1. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +5,551
    (part 1)

    ฉันก็หมือนคุณๆหลายคน ที่สนใจเรื่องภัยพิบัติ ฉันก็เคยวนๆเวียนๆอยู่แถวๆนี้ เพื่อติดตามข่าวคราว และพยามรวมกลุ่มเพื่อเตรียมการรับมือ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่ได้เกิดเหตุ(แบบที่เราคิด)

    แต่แล้วชีวิตก็มีจุดหักเหหลายๆช่วง ทำให้ต้องพับโครงการที่ตั้งใจไว้ไป และนั่นมันก็ผ่านมาเกือบ20ปีแล้ว แต่ในทางตรงข้าม ขีวิตกลับเดินไปสู่การเตรียมการภายในมากขึ้น และเข้มข้นขึ้น โดยที่ฉันก็ไม่ทันรู้ตัว

    จนกระทั่งหลังโควิดปลายปี2021(2564) ฉันก็เริ่มได้รับสารจากต่างมิติ... ถึงตรงนี้ คุณๆก็ไม่ต้องคิดว่ามันจะเป็นอะไรที่พิศดารหรอกนะคะ สารมักจะมาในรูปแบบที่ธรรมดา และธรรมชาติมาก เช่นคลิปในยูทูป คำพูดของใครบางคน หรือเหตุการณ์ที่คุณพบเจอทั่วๆไป ... แต่มันกลับสะกิดความรู้สึกบางอย่าง

    นั่นแหละค่ะ ฉันไปเจอข้อความบางอย่างจากยูทูป... และจริงๆฉันก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจด้วยซ้ำว่าเขาพยามจะพูดเรื่องอะไรและจะสื่ออะไร แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกว่าเข้าใจ อย่างบอกไม่ถูก และบางครั้งก็มีคำบางคำที่ทำให้รู้สึกว่ามันตั้งใจส่งมาถึงจิตวิญญานของฉันโดยตรง และนั่นก็ทำให้ฉันเฝ้าติดตามและรับฟังข้อความเหล่านั้นไปเรื่อยๆ มันเหมือนกับฉันค่อยๆได้รับจิ๊กซอว์ทีละชิ้นสองชิ้น ภาพค่อยๆปะติดปะต่อกันแบบลางๆ มันพอจะเข้าใจได้ในจิตวิญญาน แต่ก็ไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูดได้

    จนเข้าปี2025 ฉันก็เริ่มได้รับข้อความจากแหล่งอื่นๆและแหล่งอื่นๆ เหมือนข้อความแต่ละแห่งเป็นพื้นฐานของกันและกัน และในปีนี้นี่เอง ที่ข้อความต่างๆมีความเข้มข้นและชัดเจนมาก ถึงมันจะยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็มีมากพอที่ฉันจะเล่าให้คุณฟังได้ระดับหนึ่ง ไม่รู้สินะ อาจมีอะไรที่ผลักดันให้ฉันต้องมาบอกคุณ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...

    คุณๆที่เข้ามาอ่าน คุณไม่ได้บังเอิญ ฉันขอร้องให้คุณมาเห็น ซึ่งอาจจะเป็นการชักนำโดยจิตวิญญานขั้นสูงของคุณ หรือครูบาอาจารย์ของคุณ หรือเหล่าชาวเพื่อนต่างดาวของคุณ ... จงรู้ไว้ คุณคือส่วนหนึ่งในภารกิจนี้

    ก่อนจะเข้าเรื่องภัยพิบัติ (ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือการยกระดับพลังงานของโลก) ฉันควรจะต้องเล่าถึงระบบของจักรวาลให้เห็นภาพกันสักหน่อย หากคุณเคยเห็นภาพถ่ายของห้วงอภิมหาจักรวาล คุณก็จะเข้าใจว่าโลกของเรานั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีของจักรวาลเท่านั้น และหากคุณไม่ปิดกั้นเกินไปนัก ในบรรดาดาวเคราะห์นับล้านๆดวง ที่ดาดดื่นเต็มจักรกาลนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีแต่ดาวโลกที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ใช่ไหม

    มีดาวเคราะห์อีกมากมายในกาแลกซี่อื่นๆอันไกลโพ้น ที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ ซึ่งอาจจะมีรูปร่างหรือการดำรงอยู่ในแบบที่เราก็ไม่อาจจินตนาการได้ ในแต่ละดาวก็มีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญานและเทคโนโลยีที่ต่างกันไป อีกทั้งยังมีการจัดระดับตามวิวัฒนาการเหล่านั้นอีกด้วย

    โลกเรานั้นอยู่ในระดับวิวัฒนาการที่ต่ำสุด ชาวจักรวาลรู้จักกันในนาม"ดาวแห่งทุกข์" อย่างไรก็ตามก็มีดาวดวงอื่นอีกที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเรา

    นอกเหนือจากนี้ เช่นเดียวกันกับทุกภพ ทุกอาณาจักร จักรวาลก็มีกฎและผู้ดูแล...

    เรา... ทุกดวงจิตวิญญาน ต่างก็อยู่ภายใต้กฎของจักรวาลนะคะ

    กฎอย่างแรกคือ ทุกดวงจิตมีหน้าที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาจิตของตน... แค่ข้อนี้ เราก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า ตอนนี้เราทำหน้าที่อยู่หรือไม่

    กฎข้อถัดมาคือ ทุกดวงจิตมีเจตจำนงเสรี หมายถึง การตัดสินใจและการกระทำใดๆ เป็นของคุณเองนะคะ ไม่มีใครบังคับได้ และผู้กระทำต้องเป็นผู้รับผลของมันค่ะ

    กฎข้อต่อมาคือ จริงๆแล้ว เราไม่ได้อยู่คนเดียวเลยนะคะ มีการช่วยเหลืออยู่ตลอด จากภพภูมิหรืออาณาจักรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เทพเทวาหรือครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่มีความเชื่อมโยงกับคุณ หรือตัวตนที่สูงกว่าของคุณหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆชาวต่างดาวทั้งหลาย แต่กฎของจักรวาลมีอยู่ว่า เขาจะไม่สามารถแทรกแทรงการตัดสินใจใดๆของคุณได้นะคะ นอกจากจะได้รับการร้องขอหรืออนุญาตจากคุณ และเขาก็ไม่สามารถช่วยแบบเบ็ตเสร็จได้ เขาทำได้แค่ช่วยแนะนำเท่านั้น และถ้าคุณไม่เคยฝึกที่จะรับฟังเสียงจากภายในเลย คุณก็จะไม่เคยได้ยินคำแนะนำเหล่านั้นเลย เพราะบางครั้งมันก็มารูปแบบของความคิดที่แว้บเข้ามาเท่านั้น

    เอาล่ะ... มีกลุ่มชาวเพื่อนต่างดาว และอาจจะอาณาจักรอื่นๆด้วย ที่เป็นกลุ่มของเหล่าผู้มีจิตวิญญานขั้นสูงทั้งแบบรูปธรรมและแบบดวงจิต ที่มีหน้าที่ดูแลและคอยให้คำแนะนำจิตวิญญานดวงอื่นๆ ซึ่งดำรงอยู่บนดาวเคราะห์ต่างๆอีกมากมายในจักรวาลนี้ และโลกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น

    กลุ่มผู้ดูแลเหล่านี้มีชื่อที่ชาวโลกเรียกว่า สหพันธ์กาแลคติก (Galactic Federation) เขาก็มีหน้าที่ที่จะไปสำรวจดาวดวงนั้นดวงนี้ เพื่อดูพัฒนาการและให้ความช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้ โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาน

    เหล่าผู้ดูแล เขามีการดำรงอยู่มายาวนานเท่าใดนั้น ฉันไม่อาจทราบได้ รู้แต่ว่าก็นานพอที่จะเห็นความเป็นมาเป็นไปของดาวดวงต่างๆ จากกำเนิดจนเริ่มมีการพัฒนา จนรุ่งเรือง และมีอารายธรรมไปจนเสื่อมสลาย มีการบันทึกเก็บรายละเอียดทุกอย่าง

    และในกาลครั้งหนึ่ง ก็มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ซึ่งคล้ายโลกเรามาก ดาวดวงนั้นก็ค่อยๆพัฒนาจนเจริญรุ่งเรือง มีอารยธรรม มีเทคโนโลยี... แต่ในทางกลับกัน ชาวดาวแห่งนั้นก็ได้หลงลืมหน้าที่หลักในการพัฒนาจิตของตนไป เขาให้ความสำคัญแต่กับวัตถุ พวกเขามุ่งแต่ทำงานหาเงิน จนในที่สุดก็ถูกกิเลสตันหาครอบงำ เมื่อความต้องการของตนเป็นใหญ่ ความขัดแย้งก็ตามมา สร้างความเกลียดชังต่อกันจนกลายเป็นสงครามในที่สุด และสงครามก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสุดท้ายตกลงกันไม่ได้ พวกเขาก็ตัดสินใจทำลายล้างตัวเอง โดยใช้ระเบิดนิวเคลียร์ล้างโลก...

    เหตุกาลครั้งนั้น สร้างความเสียหายใหญ่หลวงมาก และกระทบกระเทือนไปทั้งจักรวาล หลายดวงจิตที่เคยผ่านเหตุครั้งนั้นมาก็ได้รับความเศร้าโศกเสียใจอย่างรุนแรงและยังคงติดค้างอยู่ในจิต

    และนั่นก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในระดับที่จักรวาลต้องมีการปรับเปลี่ยนกฎ... ใช่แล้ว... กฎที่ว่าเหล่าผู้ดูแลไม่มีสิทธิ์แทรกแทรงเจตจำนงเสรีของมนุษย์นั้น ได้รับการเพิ่มเงื่อนไขว่า หากการกระทำนั้นจะมีผลกระทบใหญ่หลวงในระดับล้างโลก พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะแทรกแทรงได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า การใช้นิวเคลียร์ในระดับที่จะล้างโลกนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นในโลกของเราแน่นอน เพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้มันเกิด

    เหล่าผู้ดูแลเฝ้าติดตามดูวิวัฒนาการของดาวดวงต่างๆ รวมไปถึงโลกของเรา เขาเฝ้าดูเรา พวกเขามีข้อมูลและพวกเขาก็เห็นแนวโน้ม ยิ่งความเจริญด้านวัตถุมีมากขึ้นเท่าไร ความเสื่อมทางด้านจิตวิญญานก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น กิเลสตัณหาค่อยๆครอบงำและกลืนกิน ชาวโลกเอาแต่ให้ความสำคัญกับวัตถุและการหาเงิน พวกเขาลืมหน้าที่หลักในการพัฒนาจิตวิญญานไปแล้ว

    ความขัดแย้ง สงคราม การเข่นฆ่ากัน ค่อยๆปะทุขึ้น เหล่าผู้ดูแล พวกเขาเห็น พวกเขารับรู้ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ และหากปล่อยทิ้งไว้ โลกก็จะดำเนินไปถึงจุดที่ล่มสลาย เหมือนดาวดวงนั้น พวกเขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเป็นอันขาด

    ในขณะเดียวกัน จิตวิญญานแห่งโลก พระแม่ไกอา(Mother Gaia) หรือที่เราขนานนามท่านว่า พระแม่ธรณี เธอก็รับรูเรื่องนี้มาโดยตลอด ด้วยความรักความเมตตาและเธอไม่ต้องการให้โลกนี้ต้องล่มสลายลงไป เธอจึงส่งสัญญานไปยังจักรวาล เธอต้องการยกระดับพลังงานและยกระดับแรงสั่นสะเทือนของโลกใบนี้ เหตุเพราะระดับพลังงานและแรงสั่นสะเทือนที่เป็นอยู่ มันหนาแน่น ทึบ และหนักเกินไป แสงสว่างส่องไม่ถึง ชาวโลกโดนความมืดเข้าครอบงำ จิตใจพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและกระแสด้านลบ พระแม่ไกอา เธอต้องการล้างพลังงานเหล่านั้นออกไปเสีย

    แน่นอน จักรวาลรับคำขอของเธอ และยินดีปรีดาที่จะให้การช่วยเหลือเป็นอย่างยิ่ง... มันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย และเป็นภารกิจระดับจักรวาลแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    มีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อช่วยดูแลภาระกิจครั้งนี้ ชาวโลกรู้จักในนาม สหพันธ์กาแลคติกแห่งแสงสว่าง (GFL: Galactic Federation of Light) ซึ่งเป็นการรวมตัวของเหล่ารูปธรรมและจิตวิญญานขั้นสูง จากหลายๆดวงดาวและหลายอาณาจักร พวกเขามีความรักความปรารถนาดี และต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการช่วยให้การยกระดับครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

    เพื่อนชาวต่างดาวในกลุ่มนี้ ที่เรามักจะได้ยินชื่อบ่อยๆ เพราะพวกเขามีหน้าที่คอยติดต่อและให้ข้อมูลกับชาวโลก ก็เห็นจะเป็น ชาวเพียเดียน อาคทูเรียน แอนดรอมีแดนซ์ ซีเรียน ไลรา (และอื่นๆอีก ซึ่งฉันก็ไม่ทราบทั้งหมด) และบางครั้งข้อความก็ถูกส่งมาจากพระแม่ไกอาเอง หรือมาจากเทพเทวา ครูบาอาจารย์จากอาณาจักรแห่งจิตวิญญาน ..

    โดยส่วนตัวคิดว่า การสื่อสารผ่านเพื่อนต่างดาวนั้นน่าจะง่ายกว่าการสื่อสารผ่านเทพเทวานะคะ เพราะเพื่อนต่างดาวนั้นเป็นรูปธรรมค่ะ เขาสื่อสารถึงเราได้โดยตรง แต่เหล่าเทพเทวาซึ่งอยู่ในอาณาจักรแห่งจิตวิญญานนั้น ต้องสื่อสารผ่านจิต และหากจิตเราไม่ถึง จูนคลื่นไม่ได้ เราก็จะไม่ได้ยินอะไรเลย

    ภารกิจครั้งนี้ คือการยกระดับพลังและแรงสั่นสะเทือนของโลก จากมิติที่3 ไปสู่มิติที่5 กระบวนการคือ เขาจะส่งจิตวิญญานที่มีพลังงาน มีแสงสว่างและมีแรงสั่นสะเทือนสูง มาเกิดที่โลกนี้ พวกเขาเหล่านี้จะต้องทำอะไรอย่างนั้นหรือ....

    พวกเขาเหล่านี้นั้นมีพลังงานออร่าพิเศษ แต่ภายนอกแล้วพวกเขาก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง หน้าที่ของพวกเขาก็เพียงแค่ต้องดำเนินชีวิตตามครรลองครองธรรม ต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และใช้ชีวิตอย่างเต็มเปรี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างแก่ชาวโลก เพียงเท่านี้ แล้วพลังงานของเขามันจะแผ่ออกไป พวกเขาจะเป็นแรงบรรดาลใจให้คนอื่น การใช้ชีวิตของพวกเขาจะไปจุดประกายและปลุกจิตสำนึกให้คนอื่นๆ รู้สึกอยากที่จะเปลี่ยนแปลง อยากที่จะปรับปรุงตัวเองและนำไปสู่การยกระดับจิตสำนึกของแต่ละบุคคล

    มีการเตรียมการก่อนที่จะส่งดวงจิตเหล่านี้มาเกิด บางดวงจิตได้รับการขอร้องให้มา บางดวงจิตก็อาสามา บางดวงจิตเคยผ่านเหตุการณ์ล้างโลกมาแล้ว พวกเขาจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดกับโลกอื่นอีก บางดวงจิตมาจากดาวดวงอื่นๆ บางดวงจิตมาจากอาณาจักรอื่นๆ อาณาจักรแห่งจิตวิญญาน อาณาจักรแห่งเทพเทวา ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้

    อาจจำแยกกลุ่มที่มาเกิดได้เป็น2กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกชาวโลกเรียกว่า เหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว(Starseed) ซึ่งฉันจะขอเรียกสั้นๆว่า จิตต่างดาว และอีกกลุ่มคือ ชาวแสง หรือ นักรบแห่งแสง(Lightworker, Light warrior)

    มีการเตรียมความพร้อมพอสมควรก่อนจะส่งดวงจิตเหล่านี้มาเกิดที่โลก โดยเฉพาะเหล่าจิตต่างดาว เพราะพวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับโลกนี้เลย

    ในระหว่างเตรียมการนั้น เหล่าผู้ดูแลก็ยังคงเฝ้าติดตามความเป็นไปของโลก สถานการณ์ไม่สู้ดีนักเมื่อสงครามโลกครั้งที่1ประทุขึ้น และดำเนินมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่2 มีการใช้ระเบิดปรมาณูทิ้งลงที่ญี่ปุ่น สหพันธ์กาแลคติกแห่งแสงสว่าง เห็นว่าจะรอช้าไม่ได้แล้ว จึงได้เริ่มส่งจิตวิญญานกลุ่มแรกมาเกิด หรือเรียกว่าคลื่นลูกแรก หลังสงครามโลกครั้งที่2 คือช่วงค.ศ.1945-1965 แล้วก็ส่งคลื่นลูกที่2 มา ราวช่วงค.ศ.1970-1985 แล้วก็ตามมาอีกระรอกหนึ่งเป็นคลื่นลูกที่3 ราวค.ศ.1995-2005 เป็นทั้งหมด3ช่วง เรียกว่าเป็นคลื่น3ลูก(ข้อมูลจากหนังสือ The three waves of volunteer and the new earth)

    ฉันได้รับการบอกเล่าว่า เหล่าดวงจิตที่ถูกส่งมาทั้ง3ระรอกคลื่นเพื่อปฏิบัติภารกิจในครั้ง รวมๆกันแล้วมีจำนวน 144,000 ดวง อย่างไรก็ตาม มีข้อความแจ้งว่า อาจไม่สามารถนับเป็นจำนวนคนได้ เพราะบางดวงจิตอาจมาในรูปแบบอื่นๆ

    เหล่าดวงจิตที่ถูกส่งมาในแต่ละรอบนั้น จะไม่เหมือนกัน เพราะในแต่ละครั้งที่ส่งมา จะมีการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงการเตรียมความพร้อมให้กับดวงจิตรุ่นต่อๆไป เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้สะดวกมากขึ้น

    แต่กระบวนการก็เป็นไปอย่างช้ามาก เพราะถึงแม้จะมีการเตรียมตัวแล้ว แต่เมื่อลงมาเกิดจริงๆพวกเขาก็พบว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด โลกมีความหนาแน่นมากเกินไป อีกทั้งม่านแห่งการหลงลืมที่พวกเขาต้องเผชิญเหมือนกับมนุษย์ทุกคนบนโลก จิตใต้สำนึกบอกว่าพวกเขามีภาระกิจที่ต้องทำ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับความสับสนและขัดแย้งในจิตใจ ซึ่งแพทย์ปัจจุบันคงจะวินิจฉัยว่ามันเป็นอาการซึมเศร้า

    ถึงแม้ทีมงานเบื้องบนและนอกโลกจะพยามข่วยเหลือและกระตุ้นแต่ก็ทำได้ในขอบเขตของกฎจักรวาล และมันก็ไม่ได้ผลดีนัก จนในที่สุดจึงมีการเปิดปฏิบัติการส่งแสงเข้ารหัสมายังโลกเพื่อกระตุ้นให้กระบวนการเดินหน้าเร็วขึ้น

    คลื่นแสงหรือคลื่นรังสีคอสมิคที่ส่งมา ไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะของเรา แต่มาจากดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของจักรวาล (The Great Central Sun)

    แสงที่ส่งมา ไม่ใช่แสงธรรมดา แต่มีการเข้ารหัสแสงและมีพลังงานส่งมาด้วย วัตถุประสงค์ของแสงนี้คือ
    1. เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นรู้และยกระดับจิตสำนึก
    2. เพื่อกระตุ้นให้DNA คู่ที่24 และต่อมไพเนียลเปิดการทำงาน
    3. เพื่อปรับปรุงโครงสร้างDNA จากฐานคาร์บอนไปเป็นฐานคริสตัล เพื่อรองรับแสงที่จะส่งมาอีกเรื่อยๆได้มากขึ้น
    4. เพื่อให้เหล่าจิตอาสาที่ลงมาเกิดสามารถจดจำสัญญาพันธกิจของตัวเองได้

    ข้อ1-3มีผลต่อเหล่ามวลมนุษชาติบนโลกนี้ทุกคนนะคะ ไม่ใช่จำกัดแค่เหล่าจิตอาสา เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นหนึ่งในเหล่าจิตอาสาหรือไม่ นั่นไม่สำคัญ แต่คุณคือส่วนหนึ่งในภาระกิจครั้งนี้

    ขออธิบายเรื่อง DNAคู่ที่24 สักหน่อย แต่เดิมเมื่อกาลนานมาแล้ว มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกับอาณาจักรแห่งจิตวิญญานได้ ติดต่อกับอาณาจักรต่างดาวได้ มนุษย์มีความสามารถทางจิตมากกว่านี้ นี่เป็นหน้าที่ของDNAคู่ที่24ค่ะ แต่ฉันก็ไม่ทราบว่าเหตุการณ์คืออะไร และตั้งแต่เมื่อไหร่... มีการกระทำบางอย่าง โดยใครก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ... พวกเขาทำการดัดแปลงDNAของมนุษย์ โดยการปิดการใช้งานDNAคู่ที่24นี้เสีย มนุษย์จึงสูญเสียความสามารถทางจิตไป ปัจจุบันทางการแพทย์จะบอกแค่ว่ามนุษย์มีDNA เพียง23คู่ ส่วนคู่ที่24 เนื่องจากไม่เห็นว่ามันมีหน้าที่อะไรเขาจึงเรียกมันว่าDNAขยะ(Junk DNA)

    เมื่อมนุษย์ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวทางโลกแห่งจิตได้ มนุษย์ก็หลงติดอยู่ในโลกแห่งมายา ก็ยิ่งเข้าทางให้ถูกควบคุมโดยฝ่ายมืดได้ง่าย

    ฝ่ายมืดได้สร้างระบบต่างๆขึ้นมาอย่างแยบยนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมมนุษย์... ฉันอยากจะขอให้คุณเปิดใจ และทำจิตให้เหนือสมมุติทั้งหลายก่อนที่จะอ่านข้อความที่ฉันกำลังจะบอกต่อไป... ระบบการเงิน ระบบการศึกษา ระบบการปกครอง หรือแม้แต่ระบบประชาธิปไตย ระบบศาสนา ล้วนเป็นเครื่องมือของฝ่ายมืดทั้งสิ้น...

    ฉันไม่ได้บอกว่าระบบเหล่านี้ไม่ควรมีอยู่ แต่กำลังจะบอกว่าระบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ไม่ได้ตอบวัตถุประสงค์อย่างที่มันควรจะเป็น เครื่องมือของฝ่ายมืดนั้น จะมุ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความแตกแยก ความโกลาหล และความกลัว คุณๆลองใช้ปัญญาพิจารณาดูว่าจริงหรือไม่ ในยุคของโลกใหม่นั้น ระบบเหล่านี้จะถูกจัดสรรอย่างสร้างสรรค์ หากคุณอยากจะเห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร คุณก็ต้องอยู่ให้ถึงวันนั้น ซึ่งจะไม่นานเกินรอ...

    กลับมาที่ปฏิบัติการส่งแสงเข้ารหัสมายังโลกนี้ ปฏิบัติการนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2011-2012 (พ.ศ.2554-2555) คุณอาจไม่รู้ตัวเลย แต่ลองนึกย้อนกลับไป ช่วงนั้นหลายๆคนมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายๆด้านเกิดขึ้น บ้างย้ายบ้าน เปลี่ยนงาน อาจมีการหย่าร้าง เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เปลี่ยนวิถีการกิน เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนแนวความคิดบางอย่าง ฯลฯ นั่นเป็นผลของแสง ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้คุณได้ดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับระดับพลังงานและความถี่ที่กำลังเปลี่ยนแปลง และสามารถรับแสงเข้ารหัสและพลังงานได้มากขึ้นและราบรื่นขึ้นในอนาคต เพราะจากนั้นเป็นต้นมา แสงจะถูกส่งเข้ามาเรื่อยๆ และมากขึ้น เข้มข้นขึ้น

    ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะคะที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจักรวาลเลือกปฏิบัติ หรือมีการคัดคนอะไรทำนองนั้น ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะคัดให้ใครอยู่ใครไป ขอให้คุณลบความเข้าใจผิดๆนี้ไปเสีย เพราะมันมีแต่จะสร้างอัตตาให้เกิดขึ้น อัตตาที่ว่าฉันดี เขาเลว ฉันสมควรอยู่และเขาสมควรไป... นี่มันไม่ใช่เลย... มนุษย์ทุกคนมีเจตจำนงเสรี และแต่ละคนก็เป็นผู้เลือกเองว่าจะอยู่หรือจะไป

    หากเขายอมเปิดใจ ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง ยอมที่จะยกระดับจิตสำนึกและความถี่ให้สอดคล้องกับโลกใหม่ นั่นคือเขาตัดสินใจที่จะอยู่ค่ะ แต่หากเขาไม่อยากจะทำสิ่งเหล่านั้น และเลือกที่จะติดอยู่ในโลกเดิมๆ นั่นก็คือทางเลือกของเขา เราก็ไม่อาจอยู่โลกเดียวกันได้เพราะว่าความถี่มันไม่เข้ากัน
    ......
     
  2. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +5,551
    (part 2)

    ฉันไม่ทราบว่าเหตุการณ์โควิค19นั้นมีกลุ่มใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รู้เพียงแต่ว่ายิ่งมีการพยามจะสร้างสถานการณ์มากเท่าไหร่ ชาวโลกก็ยิ่งตื่นรู้มากขึ้น พวกเขาเริ่มเห็นความไม่แน่นอน เริ่มเห็นสมมุติของโลก และเริ่มกลับเข้าสู่ภายใน เริ่มฟังเสียงภายในของตนมากขึ้น

    ตั้งแต่หลังโควิด ปลายปี2021(พ.ศ.2564) จิตสำนึกมวลรวมและแสงสว่างของชาวโลกเริ่มเพิ่มมากขึ้นด้วยความเร่งแสงเข้ารหัสยังคงถูกส่งมาเรื่อยๆ และพลังงานของโลกก็กำลังเปลี่ยนแปลง พลังงานที่เปลี่ยนแปลงนี้มีผลให้เกิดภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ฝ่ายมืดก็พยามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อไม่ให้สูญเสียอำนาจในการควบคุมชาวโลกไป พวกเขาพยามจะสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายและโกลาหล เพื่อให้มนุษย์เกิดกระแสลบในจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความเกลียดชังทั้งหลาย

    นอกจากนี้ พลังงานและความถี่ที่สูงขึ้น ก็เป็นตัวบีบคั้นให้อะไรๆที่ไม่สอดคล้องค่อยๆผุดขึ้นมา เพื่อที่จะถูกล้างออกไป นั่นคือสาเหตุที่ทำให้การกระทำไม่ดีทั้งหลายที่ถูกปกปิดหมกเม็ดมาช้านาน ค่อยๆถูกเปิดโปงในช่วงหลังๆมานี้ ดังนั้นช่วงนี้ชาวโลกจึงต้องฝึกจิตของตนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะไม่ให้หวั่นไหวไปกับความวุ่นวายต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเราก็จะตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายมืด และทำให้ภารกิจมันช้าลง

    พลังงานของโลกค่อยๆถูกแยกออก พูดง่ายๆคือมันถูกแยกออกเป็น2มิติที่ซ้อนทับกัน คือมิติที่3กับมิติที่5 จนถึงต้นปี2025(พ.ศ.2568) ขบวนการนี้ก็เสร็จสิ้น ก็คือตอนนี้พลังงานของโลกถูกแยกออกเป็น2มิติอย่างสมบูรณ์ และมันก็เป็นเวลาที่ทุกดวงจิตจะต้องเลือกแล้วว่าจะอยู่โลกไหน โลกใหม่หรือโลกเก่า จิตใต้สำนึกของทุกดวงจิตทราบเรื่องนี้ดี

    คุณจะเริ่มสังเกตได้ว่า หากคุณทำจิตและสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เป็นในแบบไหน สิ่งแวดล้อมรอบๆข้างก็จะเริ่มปรับไปในแนวทางนั้น ส่วนคนอื่นๆที่มีแรงสั่นสะเทือนที่ไม่สอดคล้องกัน พวกเขาจะค่อยๆแยกห่างจากคุณไป นี่เป็นกระบวนการแบ่งแยกเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในระดับพลังงาน แต่ในท้ายที่สุดแล้วการแบ่งแยกจะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน... ใช่แล้ว... เราจะถูกแยกไปอยู่คนละโลก... ฉันก็ไม่ทราบรายละเอียดชัดเจนว่ามันทำงานอย่างไร

    เอาล่ะ... คุณๆคงมีคำถามว่าจากนี้ต่อไปจะเป็นอย่างไร... ตอนนี้จิตสำนึกมวลรวมกำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร่ง และอีกไม่ช้าไม่นานก็จะถึงระดับที่เพียงพอสำหรับปฏิบัติการขั้นสุดท้าย

    ต้องบอกว่าจิตสำนึกของทุกๆคนบนโลกใบนี้มีผลต่อพลังงานของโลกทั้งสิ้น ถ้าคุณสร้างพลังที่เป็นบวก ทำในสิ่งที่เป็นกุศล มีความรักความเมตตาให้แก่กัน มันก็จะก่อเกิดเป็นมวลพลังงานไปรวมตัวกัน เปล่งรัศมีเป็นรังสีออร่าของโลก และยิ่งถ้าคุณฝึกจิต ทำสมาธิ พัฒนาจิตของคุณให้เจริญขึ้น แล้วแผ่เมตตาออกไป พลังงานก็จะยิ่งมหาศาล และเมื่อพลังงานนี้อยู่ในระดับที่เพียงพอและนานพอ มันก็จะเป็นตัวจุดฉะนวนให้เกิดปฏิบัติการขั้นสุดท้าย(The great event)

    คำว่า "ระดับพลังงานที่เพียงพอ" นั้น ไม่จำเป็นต้องมาจากคนทั้งโลกหรอกนะคะ เพราะโลกใหม่จะเหลือมนุษย์อยู่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น และระบบทุกอย่างจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และตอนนี้ระดับพลังงานก็อยู่ในขั้นที่จวนเจียนเต็มที่เวลาใกล้เข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นจากนี้ไปมีความเป็นไปได้ว่าเหตุอาจจะเกิดได้ทุกเมื่อ มันอาจจะมาเร็วมากแบบพรุ่งนี้หรืออาทิตย์หน้า หรืออย่างช้าไม่เกิน5ปี แต่ฉันก็ได้รับข้อความว่า น่าจะเกิดเร็วกว่านั้น

    คุณๆคงจะอยากรู้ว่า ปฏิบัติการขั้นสุดท้าย(The great event)นั้น มันจะเป็นอย่างไร.... เมื่อเวลานั้นมาถึง ท้องฟ้าและบรรยากาศรอบข้างจะดูแปลกๆไป หากคุณปฏิบัติจิตมาดีแล้ว คุณอาจจะรู้ล่วงหน้าด้วยลางสังหรณ์ หรือมีสัญญานเตือน เมื่อเหตุปัจจัยถึงพร้อม แสงเข้ารหัสระดับเข้มข้นที่บรรจุด้วยพลังงานมหาศาล จะถูกส่งออกมาจากดวงอาทิตย์ศูนย์กลางของจักรวาล(The Great Central Sun)

    คำว่า "ดวงอาทิตย์ศูนย์กลางของจักรวาล"นั้น เข้าใจว่าเป็นชื่อเรียกที่เป็นที่เข้าใจกันเท่านั้น เพราะมีคำอธิบายไว้ว่า แท้จริงที่ศูนย์กลางของจักรวาลนั้น เป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง เป็นผู้สร้าง เป็นแหล่งกำเนิดของพลังงานและความรัก และมีความสว่างมาก ที่ตรงนี้เป็นที่ที่ชาวจักรวาลเรียกกันว่า "พระเจ้า"

    แสงที่ถูกส่งออกมานี้ จะทำให้เกิดความสว่างจ้าไปทั่วทั้งจักรวาล แสงจะพุ่งตรงฉาบลงสู่โลกชั่วขณะหนึ่งเหมือนแสงแฟลช(The great solar flash) ณ. เวลานั้น ผู้ที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว คุณจะรู้ได้ทันที เพราะแสงที่สว่างมากอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และคุณก็รู้ว่านั่นไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์ตามปกติ ช่วงเวลาแว้บหนึ่งนั้น เส้นเวลาเพื่อไปสู่มิติที่3 และ5 จะถูกแยกและเปิดออก และเราก็จะถูกว้าบไปตามแต่คลื่นความถี่ที่เราเลือกไว้ เมื่อแสงเบาลงทุกอย่างก็จะถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง... จริงๆตัวฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดหรอกนะคะว่าการทำงานมันจะเป็นอย่างไร

    มันเป็นการพูดให้เห็นภาพแบบง่ายๆนะคะ แต่จริงๆมันจะไม่ง่ายเท่าไหร่... เพราะคลื่นความถี่และพลังงานที่สาดมาแบบท่วมท้น แม้แต่ผู้ที่เตรียมกายเตรียมใจไว้ดีแล้ว ก็ยังจะประสบกับความชะงักงันอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง มีคำแนะนำว่าขอให้คุณเอาจิตกลับมาตั้งที่กายและลมหายใจ หายใจเข้าให้ลึกๆและทำสมาธิ อย่าฝืนอย่าต่อต้าน เพียงแต่ปล่อยให้พลังงานมันไหลผ่านคุณไป แล้วคุณจะค่อยๆปรับตัวได้ หากคุณเตรียมตัวเตรียมกายมาดีแล้ว คุณจะใช้เวลาในการปรับตัวไม่นานค่ะ แล้วคุณก็จะเป็นกำลังสำคัญในการให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆต่อไป

    คุณๆที่เข้ามาอ่าน มารับรู้เรื่องราวนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณจะเป็นผู้ช่วยอธิบายและบอกเล่าให้คนอื่นได้เข้าใจต่อไป จะมีหลายคนที่ไม่รู้และสับสน เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถูกย้ายเส้นเวลาไปสู่โลกใหม่แล้ว คนที่ไม่เคยผ่านการเตรียมตัวเตรียมใจเลย เขาอาจจะประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะเขาปรับตัวให้เข้ากับพลังงานที่ถูกส่งมาอย่างท่วมท้นและฉับพลันไม่ทัน พวกเขาอาจจะเสียศูนย์และฟั่นเฟือนถึงขนาดที่ต้องได้รับการบำบัดและเยียวยา คุณอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น

    ในขณะที่อีกหลายคน หลายคนมากๆ ที่เขาเลือกที่จะอยู่ที่โลกเก่า เพราะพวกเขาเลือกที่จะอยู่ที่นั่นเอง ข้อความไม่ได้บอกว่าพวกเขาจะตาย ฉันรับรู้แต่เพียงว่าทุกดวงจิตจะได้อยู่ในที่ที่ตนเลือก ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าบางดวงจิตก็เลือกที่จะจากไป... ตรงนี้ฉันก็ไม่ทราบอีกนั่นแหละว่ามันทำงานแบบไหน ขอให้คุณพิสูจน์มันด้วยตัวเอง... ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เรื่องของการลงโทษ ไม่ใช่เรื่องของการคัดเลือก ไม่ใช่อะไรพวกนั้นเลย ที่ดาวโลกแห่งนี้ ทุกคนมีเจตจำนงเสรี และไม่ว่าเส้นทางที่คุณไปมันจะเป็นแบบไหน โปรดรู้ไว้ว่านั่นคือทางที่คุณเลือกเอง...

    เอาล่ะ... ส่วนสุดท้ายนี้คือส่วนสำคัญ และน่าจะเป็นเหตุผลหลักว่าฉันมาบอกเล่าเรื่องราวซะยาวเหยียดนี้ทำไม.... ก็คือการเตรียมกายและเตรียมจิต

    คุณๆที่ยอมอ่านมาจนถึงตรงนี้ ซึ่งฉันไม่คิดว่าจะมีจำนวนมาก โปรดอ่านคำแนะนำของฉันให้ดี และเริ่มเตรียมกายและจิตอย่างเข้มข้นได้แล้ว คุณจะเป็นกำลังสำคัญในการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป เมื่อวันนั้นมาถึง คุณจะนึกถึงคำพูดของฉัน

    เรามาพูดเรื่องจิตก่อน ซึ่งสำคัญมาก และถ้าคุณทำมันได้ถูก คุณก็จะได้รับประโยชน์จากแสงเข้ารหัสที่ส่งมาด้วย และมันจะส่งผลไปถึงกายด้วย

    ก่อนนั้น ไม่ว่าจะจากคำทำนาย จากตำนาน จากคำบอกเล่า หรือคำเตือนอะไรก็ตามแต่ ชอบพูดว่า คนถือศีล5จะรอด.. ซึ่งนั่นก็ไม่ผิด แต่ค่อนข้างจะกว้างไปสักหน่อย และหลายคนก็ดูจะเข้าข้างตัวเอง ไม่มองโลกตามความเป็นจริง... หรือเพื่อนต่างดาวก็มักจะแนะนำว่า ให้ทำจิตให้มีความรัก รักแบบไม่มีเงื่อนไข และให้อภัยต่อกัน... นี่ก็ถูกต้องดีงามเหมือนกัน แต่หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร

    ฉันเป็นลูกหลานพระพุทธเจ้า ฉันฝึกฝนและทดสอบมาแล้ว การปฏิบัติแบบที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นครอบคลุมและไปได้ไกลกว่าแค่ความรัก ชาวต่างดาวเขาสอนเรื่องนี้ไม่ได้เพราะจิตเขายังไม่ถึง

    หลักๆเลยคือการฝึกวิปัสสนา(ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง) แบบสติปัฏฐาน4 (ดูกาย ดูจิต) แล้วฝึกจนเห็นสภาวะอุเบกขา... คำว่า "อุเบกขา" ค่อนข้างจะหาคำอธิบายให้เข้าใจได้ยาก และคำอธิบายที่มีอยู่ตามตำราก็ทำให้เข้าใจไม่ค่อยถูก มันไม่ใช่การเฉยแบบก้อนหินไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่มันเป็นการรับรู้ทุกอย่างตามสภาพจริงๆของมัน สภาพธรรมชาติของมัน และไม่มีการประเมินหรือปรุงแต่งใดๆ ไม่มีการตอบโต้หรือสร้างอารมณ์ใดๆ มันเป็นสภาวะที่คุณจะเข้าใจได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้น ฉันคิดว่าบางท่านก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว ขอให้คุณไปศึกษาเพิ่มเติมเอง เพราะฉันก็ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่จะอธิบายอะไรได้ดีนัก

    หากคุณเข้าใจสภาวะอุเบกขาดีแล้ว ก็ขอให้ฝึกวางจิตในสภาวะนั้นให้เป็นปกติทั้งต่อสิ่งภายนอกและสิ่งภายใน และทำจิตให้มีความรักความเมตตาให้มากๆ นี่จะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยคุณตลอดภารกิจครั้งนี้

    แสงเข้ารหัสที่ทะยอยถูกส่งมานั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้ร่างกายได้ค่อยๆปรับเพื่อรองรับแสงขั้นสุดท้ายได้ ตั้งแต่มีการส่งแสงมานั้น มันมีผลต่อร่างกายมนุษย์มาตลอดโดยที่คุณอาจไม่รู้ อาจมีอาการต่างๆที่ไม่มีที่มาที่ไป เช่น ปวดเมื่อย เหนื่อยล้า ปวดหัว มีเสียงในหู รู้สึกสั่นสะเทือนในกาย และอื่นๆ หากมันเกิดขึ้นกับคุณ ก็แค่วางจิตให้เป็นอุเบกขาซะ ปล่อยให้พลังงานมันเคลื่อนผ่านไป ไม่ต้องฝืนไม่ต้องต่อต้าน เพราะร่างกายของคุณกำลังอัพเกรด!!!

    และหากคุณฝึกจิตโดยทำวิปัสสนา สติปัฏฐาน4 วางจิตอุเบกขา เจริญพรหมวิหาร4 ได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็อย่าลืมเจริญปัญญาต่อ สิ่งนี้ชาวต่างดาวไม่สอน แต่พระพุทธเจ้าสอน คุณมีหน้าที่ทั้งต่อส่วนรวมและของตนเองนะคะ หน้าที่การพัฒนาจิตของตนเองก็ยังคงเป็นหน้าที่หลักอยู่...

    การเจริญปัญญาคือการพิจารณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ทั้งภายนอกและภายใน รวมไปถึงสภาวะจิตและอารมณ์ต่างๆของตนเอง ถอนตัวเองออกจากอุปาทานและสมมุติทั้งหลาย และพิจารณาให้เห็นถึงทุกข์ ทางเกิดทุกข์ และทางดับทุกข์ตามสายปฏิจจสมุปบาท

    ส่วนการเตรียมร่างกายนั้น คุณก็รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ทั้งเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย ฉันคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหม... โปรดอย่าลืมว่า การดูแลตัวเองนี้ก็เป็นการทำเพื่อผู้อื่นด้วย...

    ในอนาคตอีกไม่ช้าไม่นาน ชาวโลกจะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้เป็นปกติ พวกเขาอยากจะติดต่อกับเรามานานแล้ว เขาเพียงแต่รอให้เราพร้อมและเปิดใจ พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดความแตกตื่น หรือความกลัวใดๆ เขาเพียงแต่ต้องการติดต่อเราในฐานะครอบครัวที่จากกันมานานเท่านั้น

    ฉันจะขอบอกกล่าวคร่าวๆแต่เพียงเท่านี้... ฉันไม่ใช่ผู้ที่รับข้อมูลเหล่านี้มาโดยตรง(channeler) ฉันเพียงแต่ทำหน้าที่เรียบเรียงและส่งต่อมาถึงคุณ โปรดอย่าส่งคำถามใดๆมาที่ฉัน... ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวไว้ในที่นี้ ถ้าคุณต้องการฟัง คุณอาจไปติดตามที่ยูทูปช่อง GFL station นี่เป็นแหล่งที่ฉันติดตามอยู่ตอนนี้ แต่เป็นภาษาอังกฤษนะคะ

    หวังว่าเรื่องราวที่เล่ามาจะเป็นประโยชน์ และไปถึงผู้ที่สมควรได้รับรู้ หน้าที่ของฉันตรงนี้น่าจะจบแล้ว และฉันอาจไม่ได้แวะมาที่นี่อีก.... ขอให้คุณเตรียมพร้อมและทำในส่วนของคุณให้ดีที่สุด ทีมสหพันธ์ฯ เขาบอกว่า ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว และโปรดวางใจในแผน...
     

แชร์หน้านี้

Loading...