เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 11 มิถุนายน 2025 at 17:01.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,771
    ค่าพลัง:
    +26,636
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5130.jpeg
      IMG_5130.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      344.3 KB
      เปิดดู:
      14
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,771
    ค่าพลัง:
    +26,636
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังหอประชุมพระเทพศาสนาภิบาล วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมแต่เช้า เพื่อเข้าร่วมทำวัตรเช้าและเจริญพระกรรมฐาน กับบรรดาผู้เข้าอบรมเจ้าอาวาสใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ รุ่นที่ ๔/๒๕๖๘ โดยมีท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ - พระศรีวิสุทธิวงศ์, ดร. (สุวิทย์ ปวิชฺชญฺญู ป.ธ. ๙) รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เป็นผู้นำในการทำวัตรเช้าและเจริญพระกรรมฐาน

    หลังจากนั้นแล้วก็ไปฉันเช้าร่วมกัน โดยที่พระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รักษาการเจ้าคณะภาค ๑๔ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เดินทางมาถึงตอนกำลังจะฉันเช้าพอดี จึงได้กราบเรียนท่านว่า "หลังจากฉันเช้าเสร็จแล้ว จะขออนุญาตนิมนต์หลวงพ่อไปรับปัจจัยสนับสนุนงาน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่ทางด้านหน้าเวทีด้วยขอรับ" ท่านบอกว่า "ขอบใจมากที่ยังช่วยเหลืองานคณะสงฆ์ตามปกติ" จึงได้กราบเรียนท่านไปฉันเช้าไปว่า "กระผมเป็นคนที่แยกแยะออกครับ ว่าอะไรเป็นเรื่องส่วนบุคคล อะไรเป็นเรื่องของวัด อะไรเป็นเรื่องของคณะสงฆ์"

    แต่ว่าพระภิกษุสามเณรและญาติโยมจำนวนหนึ่งแยกแยะไม่ออก ยังมีการสอบถามกระผมว่า "ทางวัดเขามีเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้แล้ว หลวงพ่อยังไปทำบุญอยู่ด้วยอีกหรือ ?" ท่านเจ้าคุณรักษาการภาคก็ได้แต่ยิ้ม ๆ อยู่ในลักษณะประมาณว่า "เรื่องแบบนี้พูดยาก" ก็เพราะว่าญาติโยมของเราส่วนใหญ่แม้ว่าจะเป็นพุทธศาสนิกชน แต่ก็ "ตื่นข่าว" เป็นอย่างยิ่ง..!

    จนกระทั่งปัจจุบันนี้ บรรดาผู้ที่ทำการจับกุมอดีตท่านเจ้าคุณแย้ม - พระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) ก็ชักจะหาทางลงไม่เจอ เนื่องเพราะว่าตอนแรกตั้งธงไว้เรื่องพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ ถึงขนาดมีเส้นทางการเงิน ๑๐๐ ล้าน ๑,๐๐๐ ล้าน จนมาถึงปัจจุบัน ข่าวคราวก็ไปว่าซุกสมบัติเอาไว้ ๒,๐๐๐ กว่าล้าน แต่ตอนนี้ที่สืบสวนออกมาก็มีเงินที่ออกไปจากทางวัดโดยตรง มีแค่ ๑๔ ล้านเท่านั้น..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,771
    ค่าพลัง:
    +26,636
    จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ว่า "ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด เมื่อพูดไปแล้ว คำพูดเป็นนายของเรา" ตั้งธงเอาไว้ใหญ่โตมโหฬาร สืบไปแล้วไม่มีความเชื่อมโยงเลยแม้แต่น้อย แต่ฉายา "แย้มบาคาร่า" หรือ "แย้ม ๘๘๘" ก็โด่งดังไปทั่วประเทศไทยแล้ว และที่แย่ที่สุดก็คือจับท่านสึกไปแล้ว ถ้าหากว่าถึงเวลาไม่สามารถที่จะฟ้องร้องท่านได้ แล้วจะไปคืนสถานภาพให้กับท่านได้อย่างไร ?

    ตอนนี้จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ยังรู้สึกว่า
    บ้านเราเมืองเรานั้นมักจะทำอะไรตามกระแสสังคมมากจนเกินไป แล้วกระแสสังคมแต่ละอย่าง ถึงเวลาก็คิดเองเออเอง ไปกันใหญ่โตจนกระทั่งทำให้เกิดความเสียหายกับพระศาสนาอย่างยิ่ง แล้วตอนนี้มีใครที่ออกมาเปิดเผยว่า เงินทองที่อดีตท่านเจ้าคุณแย้มเอาไปจากวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็คือยอด ๑๔ ล้าน ? แล้วบรรดาสมบัติต่าง ๆ ที่บอกว่าซุกอยู่ ก็เป็นสิ่งที่ท่านทำเพื่อประโยชน์คณะสงฆ์ทั้งนั้น แล้วในขณะเดียวกัน ความเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ก็ไม่มี ตอนที่ลงข่าวเอามัน เพื่อเอายอดวิว ยอดไลค์ ก็ซัดกันกระจาย แต่พอถึงเวลา ไม่มีใครออกมาชี้แจงเลยว่าความจริงตอนนี้เป็นอย่างไร ?!!

    เมื่อปรารภกันแล้วก็กลับเข้าไปสู่ห้องประชุม เพื่อทำพิธีปฐมนิเทศบรรดาเจ้าอาวาสใหม่ ซึ่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณรักษาการเจ้าคณะภาคได้ให้โอวาทเป็นเวลา ๑ ชั่วโมง กระผม/อาตมภาพกระซิบบอกท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ว่า "ผมเองไม่ค่อยพูดอะไรยาว ๆ หรอกครับ ส่วนใหญ่ก็บอกกับพระใหม่ของเราว่า ไม่ว่าคุณจะศึกษาเล่าเรียนมาขนาดไหนก็ตาม ต้องรู้จักละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตนเอง ถ้ารู้ว่าตนเองไม่สามารถสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็อย่าทำสิ่งที่เป็นการทำให้พระพุทธศาสนาล่มจมลงไปเพราะเรา" ท่านเจ้าคุณอาจารย์สุวิทย์ยกมือสาธุท่วมหัว อยู่ในเชิงรับรองว่า สิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดมานั้นถูกต้องแล้ว

    เมื่อท่านรักษาการเจ้าคณะภาคปฐมนิเทศจบก็เป็นพิธีเปิด โดยพระเดชพระคุณพระเทพสาครมุนี (สมบูรณ์ ปญฺญาวุโธ ป.ธ. ๙) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านได้ให้โอวาท โดยยกเอาเนื้อหาตำราต่าง ๆ มากล่าวเป็นจำนวนมาก แต่สรุปได้ว่า การเป็นเจ้าอาวาสนั้น จะต้องทำให้วัดมีสระน้ำ มีต้นยอ และมีกอไผ่
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,771
    ค่าพลัง:
    +26,636
    คำว่าสระน้ำก็คือต้องทำให้คนอยู่ด้วยรู้สึกเย็นกายเย็นใจ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร หรือว่าญาติโยมก็ตาม

    คำว่าต้นยอก็คือ เขาทำความดีก็ชื่นชมให้กำลังใจเขาบ้าง

    ส่วนกอไผ่นั้นก็คือ ต้องใช้แขนงไผ่ในการลงโทษตามความหนักเบาของแต่ละท่านที่กระทำ แล้วก็ให้ลงโทษชัดเจน ในลักษณะที่สมกับโทษานุโทษของแต่ละท่าน ไม่ใช่ลำเอียง คนโน้นหนัก คนนี้เบา ใครไม่ใช่พวกเราก็ลงโทษหนัก ใครเป็นพวกเรา ถึงทำผิดมากก็ลงโทษเบา ถ้าเสียความยุติธรรมในลักษณะอย่างนั้น เราเองก็จะเอาพระเณรทั้งหลายไม่อยู่ ถ้าเอาพระเณรซึ่งมีศีลเป็นเครื่องคุ้มไม่อยู่ ก็อย่าหวังเลยว่าจะไปเอาญาติโยมที่ไม่ค่อยจะมีศีลให้อยู่ได้..!


    เมื่อถึงเวลา ๑๐ โมง กระผม/อาตมภาพก็กราบลาหลวงพ่อเจ้าคุณแก้ว - พระราชวชิรสุตาภรณ์ (พนม รตนาโภ) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อนร่วมรุ่นเรียนของตนเอง หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา - พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งนั่งอยู่ติดกัน บอกว่าขออนุญาตไปบรรยายถวายความรู้ แก่ผู้เข้ารับการอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพพระสังฆาธิการ ที่สถาบันพระสังฆาธิการ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี แล้วก็ไปกราบลาหลวงพ่อรักษาการเจ้าคณะภาค

    เมื่อเดินทางไปจนกระทั่งใกล้ถึงจังหวัดราชบุรี จึงแวะซื้อข้าวกล่องที่ร้านสะดวกซื้อฉัน แล้วเดินทางไปถึงสถาบันพระสังฆาธิการเป็นเวลาเที่ยง เข้าไปจัดการเตรียมการบรรยาย โดยยืมเครื่องโน้ตบุ๊กของทางสถาบัน ตลอดจนกระทั่งติดตั้งระบบต่าง ๆ โดยที่ตนเองพกเอาเครื่องบันทึกข้อมูล คือแฟล็ชไดร์ฟมาตัวเดียวเท่านั้น

    หลังจากที่บรรยายไปเกี่ยวกับเรื่องศาสนศึกษา โดยสรุปลงมาว่า ไม่ว่าจะศึกษาสูงขนาดไหนก็ตาม ถ้าปราศจากความละอายชั่วกลัวบาป ไม่รักศีลของตนเอง ก็มีแต่จะเอาความรู้ไปทำชั่วได้เนียนขึ้น..! อยู่ในลักษณะคล้ายกับบรรดาทนายความ ที่ศึกษากฎหมายเพื่อหาช่องว่างรอยโหว่ สร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและลูกความ ลักษณะนั้นทางบาลีเรียกว่า อลคัททูปมปริยัติ คือการเรียนเหมือนกับการจับงูข้างหาง มีแต่จะโดนงูแว้งกลับมากัดบาดเจ็บล้มตายเสียเปล่า ๆ..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,771
    ค่าพลัง:
    +26,636
    การเรียนแบบเสมอตัวก็คือ การเรียนแบบภัณฑาคาริกปริยัติ คือเรียนเหมือนห้องสมุดเก็บความรู้ พร้อมที่จะนำขึ้นมาประพฤติปฏิบัติเพื่อตนเอง หรือว่าพร้อมที่จะถ่ายทอดให้กับผู้อื่นต่อไป

    แต่ถ้าจะเอาให้ก่อประโยชน์แก่ตนจริง ๆ ก็ต้องเรียนแบบนิสสรณัตถปริยัติ คือนำมาประพฤติปฏิบัติจนกระทั่งเกิดผล ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง แล้วก็สร้างประโยชน์ให้กับชนหมู่มาก สร้างความสุขให้กับชนหมู่มาก และอนุเคราะห์ให้แก่โลกทั้งหลาย

    จึงขอย้ำกับท่านทั้งหลายว่า
    สิ่งที่พวกเราเรียนในปัจจุบันนี้เลยหัวไปมาก เลยความต้องการไปมาก แค่ท่านทั้งหลายละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตนเอง เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ในคณะสงฆ์ของเราก็จะไม่เกิดขึ้น

    ดังนั้น..ทำอย่างไรที่ท่านทั้งหลายจะทำตนให้เป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ ? ก็ต้องประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม อยู่ในลักษณะ "ทำวัตรสวดมนต์ ท่องบ่นภาวนา ศึกษาเล่าเรียน พากเพียรปฏิบัติ" ไม่เช่นนั้นแล้วคนเขาก็จะไม่เลื่อมใส อย่างที่โบราณกล่าวเอาไว้ว่า "มีบาตรไม่โปรด มีโบสถ์ไม่ลง มีอาบัติไม่ปลง แล้วจะเป็นสงฆ์ได้อย่างไร ?"

    อย่าเพิ่งรีบร้อนในการสร้างผลงาน อย่าอยากดังเร็ว ค่อย ๆ สร้างสมคุณงามความดีของเราไป พอความดีปรากฏชัดแก่ญาติโยม คราวนี้การสนับสนุนทุกอย่างก็จะมาเอง "สิ่งที่เราพูด ญาติโยมเขาฟัง แต่สิ่งที่เราทำ ญาติโยมเขาถึงจะเชื่อ" ต้องเป็นผู้ไม่มีหน้าไม่มีหลัง อยู่ในลักษณะ ยถาวาที ตถาการี พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที ทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เราจึงจะกลายเป็นที่พึ่ง เป็นผู้นำที่ญาติโยมเขาเชื่อถือ ช่วยกันสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาสืบไป

    หลังจากที่เซ็นรับค่าบรรยายแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มอบคืนให้กับนายพิบูลย์ สมประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี เพื่อใช้ประโยชน์ในการฝึกอบรมต่อไป แล้วก็ขอลาเพื่อเดินทางกลับสู่ที่พัก พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางไปร่วมทำวัตรเช้า และปฏิบัติธรรมกับเจ้าอาวาสใหม่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...