เหรียญอาร์มหลวงปู่ทวดแจกทหารใต้วัดแคสมเด็จลพ.กึ๋นวัดดอน๒๔๘๙พระพิชิตมารลพ.คงวังสรรพรส

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    1342479-52e66.jpg o9.jpg
    พระสมเด็จประภามณฑล หลังยันต์ หลวงพ่อกึ๋นวัดดอน ยานนาวา พศ.2489(ปลุกเสกพิธี25พศว.) พิธีใหญ่ สุดยอดเกจิแห่งยุคปลุกเสก
    รายละเอียด พระสมเด็จลพ.กึ๋น วัดดอน ยานนาวา กทม.
    พ.ศ.2489 มวลสารสมเด็จวัดระฆัง,ผงตะไบกริ่งฟ้าผ่า”
    พระผงหลวงพ่อกึ๋น วัดดอน กทม.!! สร้างปีพ.ศ.2489 ปลุกเสก 3วาระ ผสมผงตะไบกริ่งฟ้าผ่าปีพ.ศ.2479 และมวลสารเก่าสมเด็จวัดระฆังฯ ซึ่งของสองสิ่งนี้นับว่าเป็นของวิเศษ !! ที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ด้วยวัตถุประสงค์การสร้างดี มวลสารวิเศษ พระเกจิผู้เรืองวิทยาคมชื่อดัง พิธีปลุกเสกสุดเข้มขลังหลายวาระ !!
    ครั้งแรก...จัดพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ด้วยพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมทั่วประเทศในพระอุโบสถวัดดอนนาน3วัน
    ครั้งที่2...นำเข้าพิธีปลุกเสกพระ 25 พุทธศตวรรษ ปี พ.ศ.2500 ซึ่งมีพระเกจิชื่อดังมากมายทั่วประเทศถึง108 รูปอาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, หลวงพ่อลี วัดอโศการาม, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทองฯลฯ...!!
    ครั้งที่3…เมื่อหลวงพ่อกึ๋นมรณภาพลง ปี พ.ศ.2507 มีพระตกค้างอยู่ที่กุฏิท่านทางวัดจึงนำเข้าพิธีปลุกเสกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2516 พิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลวัดดอน รุ่นเสาร์5 ฤกษ์เสาร์ 5 ถึง 5 วัน 5 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน จนไปถึงวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2516 โดยมีพิธีกรรมแบบเดียวกับการสร้างเหรียญจักรเพชรวัดดอน คือมีพิธีพราหมณ์และพุทธควบคู่กัน โดยในครั้งนี้ !! ได้มีพระเกจิเรืองนามผู้ทรงวิทยาคมชื่อดังทั่วประเทศมาร่วมอธิษฐานจิตปลุก เสกมากมายอาทิเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี (ประธานในพิธี),หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์, หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง, หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช,พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง, หลวงพ่อโอด วัดจันเสน,หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาศ, ครูบาวัง วัดบ้านเด่น, หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ โก่งธนู, หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง, หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยานิมิตร ฯลฯ ซึ่งนับว่าเป็นมหาพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ที่เข้มขลังด้วยพุทธคุณสูง ยิ่ง...!!
    หลวง พ่อกึ๋น (พระครูกัลยาณวิสุทธิ์) ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งมากองค์หนึ่งถ้าที่ไหนมีงานพิธีปลุกเสกใหญ่จะ ต้องนิมนต์หลวงพ่อกึ๋นไปร่วมด้วยทุกที่ วัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงพ่อกึ๋นก็คือ “พระกริ่งฟ้าผ่า” เหตุที่เรียก พระกริ่งรุ่นนี้ว่า พระกริ่งฟ้าผ่า เพราะตอนพิธีเททองโดยขณะนั้นมี “สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถระ) วัดสุทัศน์เทพวราราม” เป็นเจ้าประธานในพิธีก็ เกิดเหตุอัศจรรย์ “ฟ้าผ่า” ในพิธี แต่ไม่มีใครได้รับอันตราย จึงเรียกพระรุ่นนี้ว่า “กริ่งฟ้าผ่า” หลวง พ่อกึ๋น ท่านมีชาญรู้ล่วงหน้าว่าจะมีภัยสงคราม จึงสร้างพระกริ่งไว้แจกจ่ายเพื่อป้องกันอันตรายแก่ผู้คนโดยเฉพาะเหล่าบรรดา ลูกหลานทหารไทยที่ต้องไปออกศึกในช่วงสงครามอินโดจีน ซึ่งมีประสบการณ์รอดตายกลับมาจากผู้บูชาคล้องคอ ปัจจุบันบูชาหลักหลายหมื่นถึงแสนแล้ว !!
    ดังนั้น...“พระผงรุ่นนี้มีจึงมีความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเหมือนพระกริ่งฟ้าผ่า” ด้วย วัตถุประสงค์การสร้างดี มวลสารวิเศษ พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าผู้เรืองวิทยาคม พิธีการปลุกเสกสุดเข้มขลัง และการนำมาทำพิธีปลุกเสกใหญ่เพิ่มอีกหลายวาระ ฉะนั้นพระผงหลวงพ่อกึ๋นรุ่นนี้จึงเป็นวัตถุมงคลยุคเก่าที่หาได้ยากยิ่งใน ปัจจุบัน !!
    รายนามพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยามนต์คุณวิเศษ ชุดพิเศษ
    เข้าพิธี ปลุกเสกงานมหาพิธีพุทธาภิเษก เสาร์ห้า 7-11 เมษายน 2516
    ณ มลฑลพิธี วัดดอนยานนาวา กทม.
    1. พระอาจารย์ท่านพ่อเจ้าคุณมงคลสภิต แห่งกรุงไพลิน พระตะบอง คณาจารย์เรืองนามทิศตะวันออก
    2. พระ อาจารย์สุดจินดา แห่งนครเชียงตุง อุดรทิศแห่งสยามประเทศ คณาจารย์ เรืองวิทยาทิศเหนือ
    3. พระอาจารย์ศิริรัตนาภรณ์ แห่งวัดนารานุสรณ์ ฝั่งแม่น้ำเมียวดี สุดเขตพุกามประเทศ คณาจารย์เรืองวิทยาทิศตะวันตก
    4. พระ อาจารย์สว่าง ผู้ทรงอาคมขลังแห่งจังหวัดสุรินทร์ คณาจารย์เรืองวิทยาทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ
    5. พระอาจารย์นิสัยจริยคุณ แห่งวัดจันเสน อ.ตาคลี นครสวรรค์
    คณาจารย์เรืองนามและวิทยาคมภาคกลาง พร้อมทั้งคณาจารย์ จากภาคต่าง ๆ อีก 59 รูป รายนามพระอาจารย์ นั่งบริกรรมในงานพิธีมหาพุทธาภิเษก
    1. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดูฉิมพลี
    2. หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    3. หลวงพ่อเนือง วัดจุฬามณี
    4. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช
    5. หลวงพ่อกี๋ วัด หูช้าง
    6. หลวงพ่อถิน วัดป่าเลไลย์
    7. หลวงพ่อรอด วัดประดู่พัฒนาราม
    8. หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก
    9. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ
    10. พระญาณโพธิ วัดสุทัศน์เทพวนาราม
    11. พระศรีสัจจญาณมุนี วัดสุทัศน์เทพวนาราม
    12. พระพุทธมนต์วราจารย์ วัดสุทัศน์เทพวราราม
    13. พระมหาอำนวย วัดสุทัศน์เทพวราราม
    14. พระมงคลทิพยมุนี วัดพระเชตุพน
    15. พระปรมาจารย์ ผ่อง วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส
    16. พระครูพิทักษ์วิหารกิจ วัดราชนัดดาราม
    17. พระครูโสภณกัลยาวัตร วัดกัลยาณมิตร
    18. หลวงพ่อฉาย วัดศรีสาคร
    19. หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน
    20. พระอาจารย์แสน วัดท่าแหน
    21. พระครูพรหมจักรสุนทร วัดธรรมจักร
    22. หลวงพ่อมิ วัดสิงห์
    23. หลวงพ่อทองอยู่ วัด ใหม่หนองพระองค์
    24. หลวงพ่อพรม วัดหนองคุณที
    25. พระครูสาทรพัฒนกิจ วัดเสด็จ
    26. หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม
    27. หลวงพ่อไฝ วัดพันอ้น
    28. หลวงพ่อมุม วัดประสาทเยอรเหนือ
    29. หลวงพ่อชื่น วัดญาณเสน
    30. หลวง พ่อพริ้ง วัดโบสถ์
    31. พระอาจารย์ใหญ่ วัดคูหาสวรรค์
    32. พระใบฎีกาคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน
    33. หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร
    34. พ่อครูวิมลคุณาทร วัดประสาทนิกร
    35. พระราชญาณเวที วัดขันเงิน
    36. พระครูภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อจรัญ) วัดอัมพวัน
    37. หลวงพ่อดำ วัดตุยง
    39. หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดอู่ทอง
    40. หลวงพ่อสาลี่ วัดสองพี่น้อง
    41. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
    42. หลวงพ่อนคร วัดเขาอิติ สุคโต
    43. หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก
    44. หลวงพ่อผ่าง จ.ขอนแก่น
    45. หลวง พ่อธีร์ จ.ขอนแก่น
    46. พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
    47. พระมหาโฮง วัดปทุมวนาราม
    48. พระอาจารย์สมพล วัดปทุมคงคา ฯลฯ
    รายนามพระคณาจารย์ ผู้ทรงวิทยามนต์เขตใต้ กรุงเทพมหานคร นั่งปรกปลุกเสก งานมหาพิธีพุทธาภิเษก
    1. พระครูพิพัฒน์วรคุณ วัดพระยาไก
    ร2. พระครูสิริธรรมสุธี วัดไผ่เงิน โชตนาราม
    3. เจ้าอธิการฉ้อย วัดด่าน
    4. พระอาจารย์ถวิล วัดลาดบัวขาว
    5. หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส
    วันเสาร์ ที่่ 7 เมษายน 2516 พระพิธีกรรม 4 รูป วัด สุทัศน์เทพวนาราม
    หมายเหตุ : สวดพุทธาภิเษก
    ชุดที่ 2 พระพิธีธรรม 4 รูป วัดสุทัศน์ฯ วัดมหาธาตุ
    หมายเหตุ : สวดทิพยมนต์
    ชุดที่ 3 พระพิธีธรรม 4 รูป วัดราชนัดดา วัดจักรวรรติราชาวาส
    หมายเหตุ : สวดจักรพรรดิราชา
    วันที่ 8 เมษายน 2516 พระพิธีธรรม 4 รูป วัดสุทัศน์เทพวนาราม
    หมายเหตุ : สวดพุทธาภิเษก
    วันที่ 9-10-11 เมษายน 2516 พระพิธีธรรมวันละ 4 รูป วัดชนะสงคราม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250722_233459.jpg IMG_20250722_233523.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    get_auc3_img (30).jpeg

    ดวงตราสวรรค์สำหรับเสริมดวง แก้ปีชง..เข้าพิธีมหาเทวาภิเษกถึง 5 วาระ..พิธีที่1).พิธีมหาเทวาภิเษก ปลุกเสกชนวนมวลสาร ณ.วัดมังกรกมลาวาส ( เล่งเน่ยยี่ ) เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 51.....พิธีที่2).พิธีมหาเทวาภิเษก ไทย , จีน , ศรีลังกา ณ.วัดภาษี (เอกมัย) เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 51.....พิธีที่3 ). พิธีมหาเทวาภิเษก ณ.โบสถ์พระแก้ววังหน้า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 51.....พิธีที่4). พิธีมหาเทวาภิเษก ปลุกมังกร เปิดปาก เปิดตา ดวงตราสวรรค์ ณ. วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ( ศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ ) จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 51.....พิธีที่ 5). พิธีมหาเทวาภิเษก ณ.วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 51......เหรียญมังกร ดวงตราสวรรค์ องค์นี้ เป็นเนื้อเงินแท้ ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปมังกร ซึ่งเป็นเทพชั้นสูง ตัวแทนแห่งองค์จักรพรรดิ์ มีพลัง อำนาจ บารมี ความมั่งคั่ง....ด้านหลังเหรียญเป็นรูป หยิน หยาง และ ยันต์โป๊ยข่วย ล้อมรอบด้วย 12 นักษัตร ,ซึ่งในรอบปี 12 นักษัตร ผู้ที่เกิดในปีนักษัตรอื่นๆ เมื่อถึงช่วงเวลาประสบเคราะห์ หรือ ดวงปีเกิดชงกับนักษัตรอื่นเมื่อนำเหรียญมังกร พกบูชาติดตัวจะช่วยเกื้อกูล จากร้ายกลายเป็นดี ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง เคลื่อนย้ายดวงอุปสรรค และ เพทภัยอันตรายให้ผ่านพ้นไป หนุนส่งเสริมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจการค้า และ การงาน มีชื่อเสียงกึกก้องเป็นที่รักของคนทั้งปวง มีโชคลาภอุดมสมบูรณ์ และ มากล้นด้วยทรัพย์บริบูรณ์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ดวงตาสวรรค์เนื้อผงมังกรขาว

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250723_002256.jpg IMG_20250723_002319.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    get_auc1_img (23).jpeg get_auc3_img (33).jpeg get_auc3_img (31).jpeg get_auc3_img (32).jpeg

    ผ้ายันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าท่านเจ้าคุณศรีประหยัดวัดสุทัศน์เทพวราราม พิธีปี พ.ศ.2496ขนาดโดยประมาณ25cm.X 25cm .พิธีใหญ่เกจิคณาจารย์เดินทางร่วมปลุกเสกจำนวนมากผ้ายันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า จัดสร้างโดยพระครูใบฎีกา ประหยัด ปัญญาธโรเจ้าคณะ 2 ( หรือเจ้าคุณศรี ประหยัด )

    พิธีใหญ่ปลุกเสกหมู่ 4 วัน 3 คืน
    ตั้งแต่ 30 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2496
    เกจิฯรวม 96 รูป อาทิเช่น

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์อยู่วัดสระเกศ,
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ นวม วัดอนงคาราม,
    พระญาณโพธิ วัดสุทัศน์,
    หลวงพ่อสิงห์คำ วัดเชียงราย,
    หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ,
    หลวงปู่เหรียญ วัดเทวะสังฆาราม กาญจนบุรี,
    หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย สระบุรี,
    หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา,
    หลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้ นนทบุรี,
    หลวงพ่อผล วัดหนัง,
    หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร,
    หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม,
    หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณฯ,
    หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า ชลบุรี,
    หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ,
    หลวงพ่อพักตร์ วัดบึงทองหลาง,
    หลวงพ่อกึ๋น วัดดอน ยานนาวา,
    หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตร,
    หลวงพ่อนอ วัดกลาง อยุธยา,
    หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค อยุธยา,
    หลวงพ่อฮะ วัดดอนไก่ดี สมุทรสาคร,
    หลวงพ่อเล็ก วัดท่าลาด ฉะเชิงเทรา,
    หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ปราจีนบุรี,
    หลวงพ่อห้อง วัดช่องลม ราชบุรี,
    หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค อยุธยา,
    หลวงพ่อแฉ่ง วัดคงคาราม เพชรบุรี,
    หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี,
    พระอาจารย์สา วัดราชนัดดา,
    หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ชลบุรี,
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา,
    หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาฯ,
    หลวงพ่อสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี,
    หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี,
    ฯลฯ

    ในระหว่างพิธีพุทธาภิเษกนั้นเอง พระเกจิฯทั้งหลายก็ได้เห็นนิมิตแสงสีต่างๆอันเป็นมงคลซึ่งรวมไปถึงเห็นสมเด็จพระสังฆราช(แพ) มาร่วมในพิธีด้วย

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสวย

    ให้บูชา 600 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    นอกเวปปิด โอนแล้ว รบกวน แจ้ง ด้วยครับ จะจัดส่ง ตามชื่อที่ อยู่ ที่ให้ ไว้ครับ

    IMG_20250723_140713.jpg IMG_20250723_140651.jpg IMG_20250723_140325.jpg
    IMG_20250723_140307.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2025 at 20:22
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    วันนี้จัดส่ง
    1753278747088.jpg 1753278749140.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    1753282239968.jpg

    "พระครูพิพิธพัฒนคุณ" หรือ "หลวงพ่อแบน ปุญญังกโร" ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง และเจ้าอาวาสวัดใหม่นพรัตน์ ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระเกจิชื่อดัง
    มีนามเดิม แบน ตันไชยยะ เกิดวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ 1 เม.ย.2474 เกิดที่บ้านดอนกลาง หมู่ที่ 1 ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2495 เมื่อเวลา 14.21 น. ที่วัดใหม่นพรัตน์ มีพระครูสุนทรปริยัติกิจ วัดสองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อจาง วัดใหม่อัมพวัน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการพวน วัดใหม่นพรัตน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ปีแรกจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่นพรัตน์ ตื่นตี 4 ทุกวัน สวดมนต์นั่งกัมมัฏฐานบำเพ็ญธรรมไม่ขาด มุ่งเน้นเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง และช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ยอมรับผลตอบแทน
    เป็นพระที่ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนพระกัมมัฏฐานและเรียนภิกษุปาฏิโมกข์สำเร็จ ในปี พ.ศ.2495 และเริ่มสวดมาจนถึงปัจจุบัน ประการสำคัญได้รับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2516 ต่อมาได้รับพัดยศพระครูสัญญาบัตรในปี พ.ศ.2518
    หลวงพ่อแบน พูดเสมอว่า "ท่านเป็นพระชาวบ้านไม่ใช่พระนักเทศน์" แต่ปรากฏว่า หลวงพ่อเทศน์ได้ดี ไม่ถึงกับเลิศด้วยโวหารชาญฉมัง แต่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นพระที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วเมืองสุพรรณบุรีและที่รู้กันไปไกล
    สิ่งที่ทำให้ได้รับความเคารพศรัทธาล้นหลามจากชาวบ้าน คือ กิตติศัพท์ความเข้มขลังด้านวัตถุมงคลที่ท่านสร้างประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง คือ ธรรมะและวัตรปฏิบัติของท่านซึ่งเรียบง่ายธรรมดา เปิดเผยและตรงไปตรงมา
    ด้านวัตถุมงคลที่หลวงพ่อแบนสร้าง ล้วนแล้วแต่เป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องเป็นอย่างมาก
    ในเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคล บ่อยครั้งที่มีลูกศิษย์และสาธุชนที่เลื่อมใส เข้ามากราบขออนุญาต บอกว่าอยากได้วัตถุมงคลของท่านไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล
    ทั้งนี้ วัตถุมงคลของหลวงพ่อขันตีหลายรุ่นที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกได้รับความนิยมจากนักสะสมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเหรียญรุ่นแรก เหรียญมหาโชค ออกในปี 2520 หรือตะกรุดโทน เป็นต้น
    นอกจากพุทธาคมอักขระเลข ยันต์ ที่ลงตะกรุด ลงธง ลงหนังเสือ ปลุกเสกอักขระทุกประเภทแล้ว หลวงพ่อแบน ยังมีวิชากลั่นยารักษาพิษงูหรือสัตว์มีพิษขบกัด ยาขนานนี้สืบทอดกันมา 100 กว่าปี จากพระอธิการแก้ว จันทสโร เจ้าอาวาสรูปแรก และพระอธิการพวน เจ้าอาวาสรูปที่ 2 วัดใหม่นพรัตน์
    ด้วยมีจิตใจตั้งมั่น ปฏิบัติธรรมตามแนวทางแห่งองค์พระศาสดา ดำเนินชีวิตไปสู่ความถูกต้องดีงาม เป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติส่วนรวม หลวงพ่อแบน เป็นพระนักพัฒนา เวลาใครมาพบท่านก็มักจะให้คำสอนเป็นธรรมะ พร้อมทั้งประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กำลังใจแก่ทุกคนที่มาหา โดยจะใช้หญ้าคาประพรมน้ำเคาะศีรษะเบาๆ พร้อมให้ศีลให้พร และมักให้คำสอนสั้นๆ ง่ายๆ ในแบบฉบับของท่านด้วยสำเนียงเหน่อ
    ช่วงบั้นปลายชีวิตมีอาการอาพาธบ่อยครั้ง ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ
    จวบจนเช้าของวันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค.2560 หลวงพ่อแบน ละสังขารอย่างสงบ ด้วยวัยวุฒิ 86 ปี พรรษา 64
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสงบครับ
    พระครูพิพิธพัฒนคุณ หลวงพ่อแบน ปุญญงกโร
    (หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แบน)
    วัดใหม่นพรัตน์ ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี
    พระอริยะสงฆ์ผู้เป็นที่เคารพรักของชาวสองพี่น้อง สุพรรณบุรี
    โดย ศุภักษร ลอยสุวรรณ์
    .....หงษ์ทองหนึ่งคู่ ตัวหนึ่งอยู่ ตัวหนึ่งไป ใครคิดได้ เป็นเมตตามหานิยม....
    ปริศนาธรรมจาก..หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แบน ปุญญงกโร
    ....วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2559 นี้ เป็นวันสำคัญของชาวสองพี่น้อง เมืองสุพรรณบุรี ประทีปธรรมปัญญามหบารมีเนื้อนาบุญของชาวสองพี่น้องนามว่า หลวงพ่อแบน พระอุปัชฌาย์แบน พระเถระผู้เจริญชนม์แห่งวัดใหม่นพรัตน์ได้เจริญอายุวัฒน์เข้าสู่85ปีแล้วในวันนี้...
    ...ข่าวการเฉลิมฉลองอายุ85ปีของหลวงพ่อแบนอาจไม่แพร่กระจายกว้างสู่พุทธบริษัทชาวสยามแดนไทยนักแต่สำหรับชาวสองพี่น้องนั้นวันนี้เป็นวันสำคัญของพระเถระที่เขารักและเคารพอย่างยิ่ง....
    หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แบน หรือ พระครูพิพิธพัฒนคุณ ...หลวงพ่อแบน ปุญญงกโร พระอริยะผู้เฒ่าผู้บริสุทธิ์ ท่านดำรงค์เป็นหลักใจให้ลูกหลานพระภิกษุสามเณรในสถานะที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสองพี่น้องและควบตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าอาวาสวัดใหม่นพรัตน์ ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี อีกหนึ่งด้วย ภาพของหลวงพ่อที่คุ้นตาของพี่น้องเลือดสุพรรณ สองพี่น้องทั้งอำเภอ คือ ภาพการให้ธรรมะ โอวาทแก่ผู้ศรัทธา และประพรมน้ำมนต์ให้กำลังใจแก่ทุกคนที่มาหาและก็ไม่ว่ารากดีมีจนอย่างไร หลวงพ่อแบนท่านให้ความเมตตาเสมอเทียบเทียมกันอย่างอบอุ่นใจมาตลอด มากกว่าครึ่งศตวรรษที่หลวงพ่อได้พำนักและพัฒนาวัดใหม่เพชรรัตน์แห่งนี้ หลวงพ่อพูดภาษาชาวบ้านง่ายๆกับผู้คนที่มาหา ผู้คนมักจะเข้าไปกราบขอพร หลวงพ่อท่านจะเอาหญ้าคาพรมน้ำมนต์เคาะศีรษะเบาๆพร้อมให้ศีลให้พรและกำกับคำสอนสั้นๆง่ายๆในแบบฉบับของท่านด้วยสำเนียงเหน่อๆที่ฟังดูแล้วน่ารักและจริงใจ....
    หลวงพ่อแบน ท่านพูดเสมอว่า ท่านเป็นพระชาวบ้านไม่ใช่พระนักเทศน์ หลวงพ่อเทศน์ได้ดีซึ้งกินใจแต่ก็ไม่ถึงกับเลิศด้วยโวหารชาญฉมังแต่ชาวบ้านเชื่อถือเคารพกระทำตามทั้งๆที่ไม่น่าจะมีอะไรโดดเด่นหรือดึงดูดใจได้มากมายแต่ในความเป็นจริงกลับเป็นตรงกันข้าม เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วเมืองสุพรรณบุรีและที่รู้กันไปไกลยังต่างประเทศก็ยังปรากฏ...สิ่งที่ทำให้หลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แบนเป็นพระที่ได้รับความเคารพศรัทธาล้นหลามจากชาวบ้านคือ กิตติศัพท์ความขลังของวัตถุมงคลที่ท่านสร้างประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือ ธรรมะและวัตรปฏิบัติของท่านซึ่งเรียบง่ายธรรมดา เปิดเผยและตรงไปตรงมา....หลวงพ่อแบนท่านดำรงวัตรแห่งความเป็นผู้ให้ แม้แต่สมณศักดิ์ใดๆท่านไม่พึงปรารถนาแต่ท่านก็ได้รับด้วยเกียรติคุณดีงามบริสุทธิ์ หลวงพ่ออาจเป็นเพียงพระผู้เฒ่า พูดไม่เฉียบคมแต่ท่านได้สอนเราๆด้วยวัตรปฏิบัติอันง่ายงามและทำให้ดูด้วยตัวท่านเองมาลอดชีวิตของท่าน สิ่งที่หลวงพ่อแบนทำมิใช่เพียงพัฒนาวัดใหม่นพรัตน์จนเจริญด้วยถาวรวัตถุประการเดียวไม่แต่ท่านสอนให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นเปลือก กระพี้ และแก่นธรรมอันล้ำค่า ก็อยู่ที่พวกเราเองว่าจะมองเห็นทะลุเปลือก และกระพี้ภายนอกลงไปให้เห็นธรรมแท้ที่ท่านมอบให้หรือไม่...
    ชาวบ้านชาววัดย่านสองพี่น้องและใกล้เยง รุ้จักคุ้นเคยหลวงพ่อมาตั้งแต่ท่านยังหนุ่มแน่น ท่านได้อุทิศตัวทุ่มเทใจทำงานพัฒนาวัดใหม่นพรัตน์มาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่พ.ศ.2499ที่ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อสืบสานจากรุ่นบูรพาจารย์ เช่น หลวงพ่อแก้ว อดีตเจ้าอาวาสมาจนถึงปัจจุบัน...
    “แก้วสารพัดนึก” เป็นสมญานามของหลวงพ่อแก้ว อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดดอนกลาง หรือวัดใหม่นพรัตน์ หลวงพ่อแก้ว เป็นคนบ้านใหญ่สองพี่น้อง ฝึกอบรมในสำนักวัดสองพี่น้องมาก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดใหม่นพรัตน์ ท่านเป็นพระที่ชาวอำเภอสองพี่น้องให้ความเคารพนับถือมากรูปหนึ่ง ยุคเดียวกับหลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดัน เคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดว่า “หลวงพ่อแก้วเรียกหลวงพ่อโหน่งว่าหลวงพี่” ท่านเป็นพระหมอรักษาได้สารพัดโรค ที่โด่งดังมากคือโรคพิษสุนัขบ้า สมัยก่อนไม่มีโรงพยาบาลก็ได้หลวงพ่อนี่แหละรักษาให้ จึงได้สมญานามว่า “แก้วสารพัดนึก”
    สมัยที่หลวงพ่อแก้ว สารพัดนึก ท่านมีชีวิตอยู่ได้สร้างวัตถุมงคลไว้สองอย่าง...อย่างแรกเป็นรูปถ่ายติดกระจกสี่เหลี่ยมขนาดห้อยคอ ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระประธานที่หลวงพ่อได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์ จวบจนทุกวันนี้ ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อแก้ว ...สำหรับอย่างที่สองเป็นรูปถ่ายเหมือนกันแต่เป็นรูปไข่ด้านหน้าเป็นหลวงพ่อโตซึ่ง เป็นพระประธานที่หลวงพ่อได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์จวบจนทุกวันนี้ ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อแก้ว หุ้มขอบทองแดงติดแผ่นพลาสติกใสบาง ๆ ทั้งหน้าหลัง น่าจะสร้างประมาณปี 2480 กว่า ๆ ปัจจุบันหายากมาก สำหรับเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแก้วสร้างประมาณปี 2500 นักนิยมพระเครื่องท้องที่เรียกว่า “เหรียญหลวงพ่อโตเล็ก” เพราะด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อโต (พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดใหม่นพรัตน์)องค์ท่านบนเหรียญไม่ทันองค์หลวงพ่อแก้วด้านหน้า เหรียญรุ่นนี้ สร้างโดย พระครูพิพิธพัฒนคุณ (หลวงพ่อแบน) สร้างแล้วว่ากันว่าถึงกับหาบไปให้หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ปลุกเสก เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากมาย มีความนิยมมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาจริงๆ
    วัดใหม่นพรัตน์ ได้สร้างขึ้นมาเมื่อปีพ.ศ.2442 โดยมีพระอธิกาแก้ว จันทสโร (หลวงพ่อแก้ว แก้วสารพัดนึก) อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่นพรัตน์เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ณ ที่บ้านลาดจระเข้ เพราะในขณะนั้นบริเวณวัดมีลำลาดใหญ่ซึ่งมีจระเข้ชุกชุม ชาวบ้านจงเรียกว่า วัดลาดจระเข้ ต่อมามีการสัญจรไปมา เข้า ออก ไม่สะดวกเท่าที่ควร หลวงพ่อแก้ว จึงได้ย้ายวัดมาตั้งขึ้นใหม่ที่บ้านดอนกลาง ระหว่างบ้านดอนกลางนั้น ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า บ้านดอนไผ่ขี้นก บ้านดอนไผ่ช่องลม บ้านดอนจิกโค้ง บ้านรางทอง เหตุที่วัดตั้งอยู่ระหว่างบ้านดอนกลาง ดังข้างต้นนั้น จึงได้เรียกว่า วัดดอนกลาง หรืออีกนัยหนึ่งจะเรียกขานกันว่า...วัดใหม่นพรัตน์ หรือ วัดดอนกลางใกล้วัดพระใหญ่ ไผ่โรงวัว...พูดแค่นี้ก็ทราบกันว่าคือ วัดใหม่นพรัตน์(วัดดอนกลาง) สองพี่น้อง...และสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อเป็น วัดใหม่นพรัตน์ ก็เพื่อเป็นเกียรติแด่หลวงพ่อแก้ว แก้วสารพัดนึก ผู้สร้างวัด ซ่งชื่อวัดมีความหมายเป็นมงคลว่า วัดแก้วเก้าประการ..ได้จัดสร้างโบสถ์ขึ้นมาหนึ่งหลังเมื่อปี2453 และในปีพศ.2462 ได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่ทรงมารวิชัย ก่ออิฐถือปูน หน้าตักกว้าง5วา สูง9วา ได้ถวายนามว่า พระโลกเชษฐมหามณีรัตนปฏิมากร ชาวบ้านทั่วๆไปเรียกว่า หลวงพ่อโต ที่ศักดิ์สิทธิ์ นับว่า..วัดใหม่นพรัตน์เป็นวัดที่มีอายุเกินร้อยปี
    ชีวิตของมนุษย์ช่างเต็มไปด้วยความลึกลับชวนอัศจรรย์ เส้นทางชีวิตของคนแต่ละคนหาใช่เส้นตรงที่ลากจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งเหมือนเส้นในวิชาเรขาคณิต ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จและคำตอบอันเบ็ดเสร็จอยู่ในตัว หากแต่เต็มไปด้วยความยอกย้อนเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางคนเรียกว่า พรหมลิขิต บางคนเรียกว่า บุญนำกรรมแต่ง แต่มันจะเป็นอะไรก็ตามเถิด แต่นี่แหละชีวิตเช่นเดียวกัน เมื่อผมผู้เขียนได้สนทนาธรรมกับพระครูสมุห์กิติศักด์ ยโสธโรหรือพระอาจารย์แกละศิษย์เอกของหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์แบน เจ้าอาวาสวัดใหม่นพรัตน์รูปปัจจุบัน(หลวงพ่อแบนท่านมอบหมายตำแหน่งเจ้าอาวาสให้พระอาจารย์แกละดูแลปกครองแทน) เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติของหลวงพ่อ ผมก็ได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้...ว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอนและชีวิตของนักบุญพระอริยะลูกคนจีนอย่างหลวงพ่อแบนก็น่าจะเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ต้องการเดินมาเส้นทางธรรมอย่างบริสุทธิ์
    ... พระครูพิพิธพัฒนคุณ หลวงพ่อแบน ปุญญงกโร สิริอายุ85ปี 64พรรษา วิทยฐานะ นักธรรมเอก เดิมท่านชื่อ แบน นามสกุล ตันไชยยะ เกิดวันพุธ ขึ้น5ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่1เมษายน พ.ศ.2474 บิดาชื่อ นายลุ้ย แซ่ตัน มารดาชื่อนางวอน แซ่ตัน หลวงพ่อเกิดที่บ้านดอนกลาง หมู่ที่1ตำบลเนินมะปรางค์ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม10คน ท่านเป็นคนที่ 5
    หลวงพ่อแบน อุปสมบทเมื่อวันที่20พฤษภาคม พ.ศ.2495เมื่อเวลา 14.21 นาฬิกา ณ วัดใหม่นพรัตน์ โดมีพระครูสุนทรปริยัติกิจ วัดสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ คือ หลวงพ่อจาง วัดใหม่อัมพวัน พระอนุสาวนาจารย์ คือ พระอธิการพวน วัดใหม่นพรัตน์ ณ พัทธสีมา วัดใหม่นพรัตน์ ขณะอุปสมบทมีการประชุมสงฆ์ 19 รูป หลวงพ่อแบนเป็นพระที่ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนพระกรรมฐานและเรียนภิกษุปาฏิโมกข์สำเร็จในพ.ศ.2495และเริ่มสวดมาจนถึงปัจจุบัน ประการสำคัญได้รับตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ในพ.ศ.2516 ต่อมาได้รับพัดยศพระครูสัญญาบัตรในพ.ศ.2518
    ปีแรกของชีวิตสมณะในฐานะพระหนุ่มของหลวงพ่อแบน ก็ได้จำพรรษา ณ วัดใหม่นพรัตน์ แห่งนี้นี่เอง ถือได้ว่าท่านเป็นคนที่นี่ เป็นพระที่นี่ ...
    หลวงพ่อท่านเป็นพระมักน้อยถือสันโดษ ท่านตื่นตี 4 ทุกวัน สวดมนต์นั่งกรรมฐานบำเพ็ญธรรมไม่ขาดสติ ท่านเป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติพุทธกิจเพื่อศาสนาอย่างแท้จริง มีความสมถะ ในกุฏิของท่านไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ปฏิปทาของท่านคือ มุ่งเน้นเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง และช่วยเหลือผู้คนโดยไม่ยอมรับผลตอบแทนใดๆ ความมีพุทธาคมเข้มขลังของท่านใช้ช่วยเหลือผู้คนไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ทั้งด้านการลงยันต์ เพื่อความคงกระพันชาตรี หรือน้ำมนต์ซึ่งมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มากแล้ว นอกจากนี้วัตถุมงคลต่างๆ ที่ท่านสร้างเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่มานมัสการก็ทรงไว้ซึ่งพุทธาคมและความเข้มขลังครบเครื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานกันปากต่อปาก
    เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแบน ชื่อเหรียญ มหาโชค ออกในปี2520 เป็นเหรียญยอดนิยมของชาวสองพี่น้องที่เป็นมงคลน่าสะสมมาก...วัตถุมงคลเป็นสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้หลวงพ่อแบนมากที่สุดเป็นปัจจัยให้สาธุชนเดินทางมากราบท่าน ตะกรุดโทน ถือว่าเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อลือชาทางคงกระพันชาตรีและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่จารและม้วนหลวงพ่อแบนท่านจะบริกรรมคาถาอย่างเข้มขลัง ว่างจากกิจเมื่อไรหลวงพ่อจะมานั่งจารตะกรุดโทนด้วยตัวท่านเอง มีประสบการณ์คุ้มครองชีวิตมามากนับไม่ถ้วนทั่ว...
    นอกจากพุทธาคมอักขระเลขยันต์ที่ลงตะกรุด ลงธง ลงหนังเสือ ปลุกเสกอักขระทุกประเภทแล้วหลวงพ่อแบนท่านยังมีวิชากลั่นยารักษาพิษงูหรือสัตว์มีพิษขบกัด...ยาขนานนี้สืบทอดกันมา100กว่าปีแล้วใครถูกงูกัดในแถวย่านบ้านนี้จะมารักษากันที่วัดโดยที่ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเลยเป็นยาขนานเอกที่สืบทอดจนมาถึงปัจจุบันนี้...
    ที่นำเสนอมานี้อยากให้ท่านผู้อ่านที่รักได้สัมผัสหลวงพ่อแบนท่านในฐานะสมณะผู้งดงามในศีล หลวงพ่อเองบวชมานานแสนนานแต่ก็พยายามฆ่าสามสิ่งนี้เสมอ ยังฆ่าอยู่ทุกวันคือ โลภะ โทสะ โมหะ หลวงพ่อบอกว่า เผลอเมื่อไร เจ้าวายร้ายสามตัวนี้ก็คอยทำร้ายเสมอ ส่วนในเรื่องอภินิหารของวัตถุมงคลนั้นขอให้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ท่านที่รักต้องมาสัมผัสเอง...
    ขอขอบคุณ พระสมุห์กิติศักดิ์ ยโสธโร(อาจารย์แกละ) เจ้าอาวาสวัดใหมรูปปัจจุบัน และหลวงพ่อประดิษฐ์ สันติกโร ศิษย์หลวงปู่ผลวัดดักคะนน
    ชัยนาท ที่เมตตาข้อมูลเพื่อมวลชนชาวพุทธได้กราบพระอริยะดีศรีสุพรรณ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250723_214641.jpg

    IMG_20250723_214708.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    เหรียญหลวงปู่ทวดหลังปางธุดงค์ พ.ศ.2551 เนื้อทองแดง
    วัดแคราชานุวาส จ.พระนครศรีอยุธยา


    วัดแคตั้งอยู่บริเวณเกาะลอยริมแม่นำแควป่าสัก ชานเมืองกรุงศรีอยุธยา ตามประหลักฐานไม่ปรากฏชัด แต่สันนิฐานว่า วัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เพราะพระพุทธรูปที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เป็นแบบศิลาสีขาว ศิลาสีเขียว และศิลาทราย มีเป็นจำนวนมาก แตไม่สมบูรณ์ จากคำบอกเล่าของท่านผู้เฒ่า อายุ 95 ปี มีบ้านอยู่ใกล้เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ.2500 มีพวกมิจฉาชีพได้ลักพาพระศิลาสีเขียว พระศิลาสีขาวไปหมด คงเหลือแต่พระสิลาทรายที่ชำรุดไว้ หลักฐานที่อยู่คือแผ่นอิฐใหญ่ ๆ คล้าย ๆ แผ่นอิฐกลางเมือง และฐานวิหารเก่า ส่วนฐานวิหารนั้น ท่านปลัดวัฒนา กันตามระ ได้สืบเอาประวัติมาว่า เป็นวิหารของหลวงปู่ทวด เหยียบนำทะเลจืด ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต้องการหาพระผู้เรืองวิชา เพื่อมาช่วยแก้ปัญหา ตามประวัตินั้น ซึ่งมีชาวเมืองอื่นมาท้าพนัน ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้จะเสียพระนคร พระราชาจึงสั่งให้นายนักการทั้งหลายสืบหาดูพระผู้เรืองวิชา ปรากฏว่ามีหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด นครศรีธรรมราช เมื่อพระราชาทรงทราบจึงรับสั่งให้นิมนต์เข้ามาในพระนคร ทรงบอกเรื่องทั้งหมดให้ทราบ ปรากฏว่าอักขระทั้งหมดหลวงปู่แก้ได้ทั้งหมด และที่หายไปก็ยังรู้ เมื่อพระองค์ทราบว่าแก้ปัญหาได้ชนะพระองค์ทรงดีพระทัย มีพระดำรัสให้ครองพระนครกึ่งหนึ่ง และถวายทรัพย์อีกส่วนหนึ่ง แต่หลวงปู่ทวดไม่ยอมรับ เพียงแต่ขอเพื่อพักอาศัยการปฏิบัติอยู่ใกล้ ๆ ชานเมือง พระองค์จึงให้สร้างวัดขึ้นใหม่ ให้นามว่า "วัดราชานุวาส" แปลว่าเป็นที่อยู่ของพระราชาองค์น้อย ถวายแด่หลวงปู่ทวด และทรงตั้งฐานันดรศักดิ์ "เป็นสมเด็จพะโค๊ะ" ต่อมาอยุธยาใกล้จะเสียกรุง พม่าได้ยกทัพใหญ่มาตั้งที่โพธิ์สามต้น อำเภอบางปะหัน แล้วจึงสั่งทัพหน้ามาตั้งอยู่ที่บริเวณวัดมณฑป, วัดแค ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองด้านตะวันออก เพราะสะภาพของเมืองมีแม่นำล้อมรอบ พม่าจึงทำสะพานเชือกข้ามครองไปสู่เมืองหลวง

    จึงสันนิฐานตามประวัติศาสตร์ วัดนี้คงเป็นพระอารามหลวง คงร่วงโรยมาเป็นลำดับ หรืออาจจะเป็นวัดร้างมาสมัยหนึ่งปัจจุบันวัดนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก มีเจ้าอาวาสปกครองมาเป็นลำดับ จนถึงเจ้าอธิการเพิ่ม ฐิติญาโณ เจ้าคณะหมวด ในสมัยนั้นเป็นเจ้าอาวาส เป็นพระเถรนักปฏิบัติ ต่อมาปฏิบัติไม่สำเร็จ ท่านจึงเล่นแร่แปลธาตุ ปรากฏว่าท่านทำพระของ่ทานไว้มากมาย เป็นที่รู้จักของวงการพระเครื่อง แม้เหรียญของก็ยังมีการประกวดอยู่มีราคาสูงพอสมควร ช่วงนี้จึงไม่การบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ทางการคณะสงฆ์ จึงส่งพระมหาระหงษ์ มาเป็นเจ้าอาวาส เมื่อมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว จึงเริ่มการก่อสร้าง การบูรรณะปฏิสังขรณ์ รวมทั้งการศึกษาฝ่ายบาลี-นักธรรมขึ้นจนถึงปัจจุบัน ต่อมาเจ้าอาวาสได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรีเขต 2 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ที่ "พระครูอดุลวิริยกิจ" และดำรงตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ประจำตำบล ฯ ได้สร้างกุฏิทั้งหมด 17 หลังศาลาการเปรียญ 1 หลังมีพระสงฆ์-สามเณรอยู่จำพรรษา 25 รูป ศิษย์วัด 12 คน ชี 4 คน ปัจจุบันดำริห์จะสร้างเมรุปูนถาวร และจะปฏิสังขรณ์อุโบสถ แต่ทางวัดยังขาดทุนทรัพย์ในการนี้ จึงใคร่ขอความอุปถัมภ์จากท่านสาธุชนโยทั่วไป

    a.jpg

    เกจิพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ :

    1.พระเทพวรเมที วัดบรมวงศ์อิศรวราราม
    2.หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน
    3.หลวงพ่อแวว วัดพนัญเชิงวรหาร
    4.หลวงพ่อเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์
    5.หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    6.หลวงพ่อเล็ก วัดวรนายกรังสรรค์ฯ
    7.หลวงพ่อเชิต วัดกษัตราธิราช
    8.หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    9.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    10.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    11.หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
    12.หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์
    13.หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม
    14.หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน
    15.หลวงพ่อมหาสมคิด วัดมเหยงค์
    16.หลวงพ่อจั้ว วัดตูม
    17.หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดหน้าพระเมรุ
    18.หลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง

    a.jpg a.jpg a.jpg a.jpg a.jpg a.jpg a.jpg a.jpg

    ...พระคาถาหลวงปู่...
    "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติ ภะคะวา"

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่ว่าอย่างสูงครับ

    ให้บูชา ๒ เหรียญคู่กัน 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250723_224048.jpg IMG_20250723_224111.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    FB_IMG_1753375506831.jpg

    " พระของหลวงพ่อมีเจ้าของทุกองค์ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่มาลูก "
    หากจะกล่าวถึงวัตถุมงคลของหลวงพ่อพยุง วัดบัลลังก์ นั้น เป็นที่รู้กันว่ามีมากมายหลายชนิด หากนับเป็นรุ่นก็ ๑๔๐ กว่ารุ่น หากแยกเป็นพิมพ์นั้น เนื้อนี้ ก็จะมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าหลากหลาย เลือกใช้ได้ตามความพอใจ ด้วยจำนวนที่มากมายก่ายกองเช่นนี้ ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า? พระของหลวงพ่อที่สร้างออกมามีเยอะมาก ทั้งพระผง พระเหรียญ รูปหล่อ และบรรดาพระเล็กพระน้อยอีกจิปาถะ หลวงพ่อจะเอาไปทางไหนหมดครับ?
    " หลวงพ่อยิ้มน้อยๆแล้วตอบกลับมาว่า ไม่เยอะหรอกลูก พระของหลวงพ่อมีเจ้าของทุกองค์ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่มาลูก "
    จากคำของหลวงพ่อนั้น ผู้เขียนก็พอรู้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจมากนัก จนมาถึงวันนี้ พอนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อ จึงเริ่มเห็นภาพและเข้าใจอย่างเด่นชัด เพราะพระเครื่องหลายรุ่น หลายอย่าง ที่ผ่านการอธิฐานจิตปลุกเสกจากหลวงพ่อนั้นในบางรุ่น ทุกวันนี้กลับกลายเป็นของหายากถึงยากที่สุด เรียกได้ว่า แม้จะมีเงินเช่าบูชา แต่ก็หาคนขายให้ไม่ได้ นี่เป็นเรื่องจริง
    จากที่เคยมองว่าสร้างเยอะมาก กลับกลายเป็นว่าไม่เพียงพอแก่ความต้องการของสานุศิษย์ พระบางรุ่นที่มองว่ามีเยอะจนเรียกว่าเกล่อในปัจจุบัน ในภายหน้าก็อาจจะเป็นของหายากก็เป็นได้ ตราบใดที่เเรงศรัทธายังคงมีเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่น และเจ้าของเขามาถึงพร้อมด้วยวาสนาบารมี ตราบนั้นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจะเพิ่มคุณค่าขึ้นมาอย่างมหาศาล และเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้มีเงินก็ยากที่จะหาของดีของแท้มาบูชาได้ เพราะทุกวันนี้มีของย้อนยุคสร้างออกมาก็หลายรุ่น ทั้งของเก๊ก็ทยอยสร้างเลียนแบบออกมาหลายหลาย ด้วยเหตุนี้เอง วัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงเป็นที่ต้องการมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ใครสร้างบารมีไว้ด้านไหน มีบุญด้านใด ก็จะได้ของประเภทนั้นๆไว้บูชา หากหมดบุญวาสนาก็สละการครอบครอง ให้เจ้าของที่มีบุญได้รับช่วงต่อไป ด้วยเหตุนี้ใครมีพระของหลวงพ่อรุ่นใดก็เก็บรักษาบูชาไว้จะเป็นมหามงคลแก่ชีวิตอย่างแท้จริง
    CR พระอาจารย์วิชัยศิษย์หลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์
    ให้หมั่นสวดทุกวัน
    พระคาถา ที่ หลวงพ่อพยุงได้เมตตามอบให้แก่ศิษย์ไว้เพื่อภาวนาทุกเช้าค่ำ และภายหลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้ว ศิษย์ได้นำพระคาถานี้มาเพื่อกล่าวเป็นคำสักการบูชาหลวงพ่อ และใช้ในการกำกับวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งบทคาถาว่าดังนี้
    " สุนทะโร วะระรูเปนะ สุสะโร ธัมมะภาสะเน
    สุทุททะสัง ทิสาเปติ สุคะตันตัง นะมามิหัง "
    แปลความว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีพระรูปงาม ทรงแสดงธรรมเล่าก็มีพระสุรเสียงไพเราะดี โปรดเวไนยชนให้เห็นธรรมอันเห็นได้ยาก ข้าฯขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นผู้เสด็จไปดีแล้ว
    พระคาถานี้หลวงพ่อได้ใช้ภาวนาเป็นนิจ ภาวนาจนจิตเข้าสู่อารมณ์ฌาน และ ได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาว่า มีอานุภาพในทางป้องกันคุณไสย ว่านยา อันผู้มีวิชาแต่มีจิตเป็นมิจฉาทิฏฐิกระทำมาให้เกิดอันตรายแก่ตัวเราและผู้อื่น ตลอดทั้งกันอาวุธและเครื่องศาสตราแม้ถูกกายาแคล้วคลาดปลอดภัย

    ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงได้นำคาถานี้มาปลุกเสกลง
    ในวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น เพื่อป้องกันคุ้มครองสานุศิษย์ของท่านให้เป็นอยู่ด้วยความเกษมสำราญ มีชีวิตยืนนานจนกว่าจะหมดอายุขัย จึงกล่าวได้ว่าหลวงพ่อท่านมีเมตตาจิตปรารถนาสงเคราะห์สานุศิษย์ของท่านตลอดกาล
    Cr. พระอาจารย์วิชัย ศิษย์หลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์
    บทคาถาที่หลวงพ่อพยุงถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ไว้ ( มีอะไรขอให้นึกถึงให้บอกกล่าว ) หมั่นสวดบูชาทุกวัน 3 จบ 5 จบ 7 จบ 9 จบ ท่องจำกันให้ขึ้นใจ หากเมื่ออยู่ในเหตุคับขัน มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ให้นึกถึงท่าน

    " หากประสบเหตุคับขันให้นึกถึงหลวงพ่อนะลูก "
    ผู้เขียนจึงเรียนถามว่า การระลึกถึงหลวงพ่อนั้น ผมก็ระลึกถึงทุกเวลาอยู่แล้ว หลวงพ่อตอบว่า
    " อือ..ต่อไปนี้เวลาไปอยู่ที่ไหน หรืออยู่ในที่คับขันให้นึกถึงหลวงพ่อ โดยตั้ง นะโม ๓ จบ ส่งจิตมาหาหลวงพ่อ แล้วว่าคาถาบทนี้ว่า
    ( สุนทะโร วะระรูเปนะ สุสะโร ธัมมะภาสะเน
    สุทุททะสัง ทิสาเปติ สุคะตันตัง นะมามิหัง )
    แล้วหลวงพ่อจะไปช่วย นะลูก "
    คาถาที่ใช้บูชาหรือสวดภาวนาเพื่อระลึกถึงหลวงพ่อ ซึ่งเป็นบทคาถาที่ออกมาจากปากของหลวงพ่อเอง จึงนำมาเผยแผ่บอกเล่าให้สานุศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงพ่อได้ทราบ ซึ่งบางท่านอาจจะนำไปบริกรรมภาวนา เพื่อระลึกถึงหลวงพ่อก็จะได้เป็นสื่อให้ถึงหลวงพ่อง่ายขึ้น และยังสามารถใช้อาราธนาพระเครื่องของหลวงพ่อได้อีกด้วย ในทุกกรณี พระเครื่องของท่าน สามารถอาราธนาทำน้ำพุทธมนต์ได้ หลวงพ่อได้เคยกล่าวว่า เสมือนกับหลวงพ่อได้ทำน้ำพุทธมนต์ ให้ด้วยองค์ท่านเอง ไม่ว่าจะอยู่ในมุมไหนของโลก อำนาจแห่งจิตของท่าน แทงฟ้าทะลุดิน แผ่ไปถึงได้ทุกที่

    Cr. พระอาจารย์วินัยศิษย์หลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์
    พระสมเด็จกรุหลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์สุพรรณบุรีปี๒๕๒๕แตกกรุปี๒๕๔๐
    เรื่อง....หลวงพ่อปราบผี
    เรื่ิองที่จะเล่าให้ท่านทั้งหลายได้ฟังนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๖ ซึ่งในขณะนั้น อาตมาอายุ ๑๔ ปี ในปีนั้นมีพระจำพรรษา ๑๐ กว่ารูป สามเณรมี ๒ องค์ คืออาตมาและสามเณรหัส เดิมทีอาตมามีความศรัทธาหลวงพ่ออยู่แล้ว เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของท่านมาจากบิดา ของอาตมาเอง ซึ่งแกจะเล่าเรื่องของหลวงพ่อให้ฟังมาตั้งแต้ยังเด็ก คล้ายนิทานที่ผู้ใหญ่เล่าให้เด็กฟังก่อนนอน เรื่องที่แกเล่าให้ฟังนั้นส่วนมากเป็นเรื่องในสมัยที่แกบวชอยู่จำพรรษา กับหลวงพ่อที่วัดบัลลังก์ โดยแกเล่าให้ฟังถึงปฏิปทา และอิทธิปาฏิหารของหลวงพ่อให้ฟังอยู่เป็นประจำ แต่อาตมาไม่เคยเห็นกับตาเลยสักครั้ง จนได้มาบวชอยู่กับท่าน จึงได้เห็นปฏิปทาของท่าน ว่าเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ตามที่โยมบิดาเล่าให้ฟังทุกประการ และในปีนั้นเอง อาตมาได้เห็นอิทธิฤทธิ์ ในพลังจิต และวิชาอาคมของท่านอย่างแท้จริง
    เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยนั้นจะมีญาติโยมเดินทางมาหาหลวงพ่อเป็นประจำ เรียกว่าไม่ขาดสาย เลยในแต่ละวัน ซึ่งหลวงพ่อท่านก็จะนั่งพับเพียบต้อนรับสาธุชนที่เดินทางมากราบนมัสการ อยู่ที่กุฏิหลังเก่า ซึ่งกุฏิหลังนี้ ท่านอยู่จำพรรษามาตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ เป็นต้นมา
    การนั่งของท่านนั้นเป็นภาพที่คุ้นตากันดีในหมู่สานุศิษย์ ที่เดินทางไปกราบท่าน คือท่านนั่งพับเพียบตลอดทั้งวัน ไม่ขยับเลย ไม่ว่าใครจะไปจะมา ท่านก็นั่งอยู่อย่างนั้น แต่การต้อนรับญาติโยมนั้น โดยปกติก็ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. จนถึง ๑๑.๐๐ น.และช่วงเวลา ๑๓ .๐๐ น.จนถึง ๑๘.๐๐ น.เป็นประจำ ถ้าวันไหนมีญาติโยมมากันมาก ฉันเพลเสร็จท่านก็ออกมารับญาติโยมเลย บรรดาพระเณรที่เป็นอุปฐาก จะรู้หน้าที่ดี คือหลังจาก ๑๘.๐๐น.แล้ว ท่านจะสรงน้ำ พระเณรที่อุปฐากก็จะปิดประตูเหล็ก ที่ท่านนั่งรับแขกอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งในพรรษานั้น ก่อนที่ท่านจะเข้าสรงน้ำ ท่านได้สั่งอาตมาไว้ว่า วันนี้อย่างเพิ่งปิดประตู เดี๋ยวจะมีคนมาหา แล้วท่านก็เข้าห้องไป อาตมาจึงเข้าไปเตรียมน้ำสรง และบริขารถวาย น้ำที่สรงนั้นจะเป็นน้ำอุ่น ในขณะนั้นที่วัดไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ต้องต้มน้ำใส่กา แล้วนำไปเทผสมน้ำเย็นให้ได้หนื่งถัง ส่วนผ้าบริขารของท่านที่ใช้ในการสรงน้ำก็มี สบง ๑ ผืน อังสะ ๑ ผืน ผ้าขนหนู ๓ ผืน คือ สำหรับเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เช็ดตัวผืนหนึ่ง เช็ดเท้าผืนหนึ่ง การถวายน้ำสรงท่านนั้น พระเณรอุปฐากต้องทำด้วยความนอบน้อม คล่องแคล่ว และรวดเร็ว จึงจะถูกนิสัยกับองค์ท่าน
    . ดังนั้นพระเณรที่คอยอุปฐากหลวงพ่อจึงมีเพียงสองรูปเท่านั้น คือ พระอรุณ(พระใหญ่) และอาตมาซึ่งเป็นสามเณรอีกองค์หนึ่ง เท่านั้น ส่วนมากบรรดาพระเณรทั้งหลายไม่ค่อยเข้าไปอุปฐากองค์ท่าน เพราะถ้าเข้าไปสนิทกับองค์ท่านแล้ว เกรงว่าจะไม่ได้สึก ซึ่งองค์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะปกติองค์ท่านก็นิ่งเฉยอยู่แล้ว หลังจากองค์ท่านสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พักอิริยาบท อยู่ในห้องโดยมีอาตมาเป็นผู้ถวายการนวด จนถึงทุ่มครึ่ง องค์ท่านก็ลุกขึ้นครองจีวร แล้วออกมานั่งที่รับแขกของท่าน .ซึ่งขณะนั้นอาตมาคิดว่าท่านหรือโยมคงนัดกันไว้ อาตมาก็นั่งอยู่แถวนั้นเผื่อองค์ท่านจะเรียกใช้ อีกอย่างเป็นเวลาวิกาล หากผู้ที่มาเป็นผู้หญิงทั้งหมดก็ไม่ต้องด้วยพระวินัย อาตมาจึงคอยสังเกตุการณ์อยู่แถวนั้น
    จนกระทั้งเวลาล่วงไปถึง ๒๐.๐๐ น.กว่าๆ ได้มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาในวัด ในขณะที่รถคันนั้นแล่นเข้ามา บรรดาสุนัขทั้งหลายก็พากันส่งเสียงเห่าหอนจนดังไปทั้งวัด รถคันนั้นแล่นมาจอดใต้ต้นพิกุล หน้าหอสวดมนต์ ครู่หนึ่งก็มีผู้ชาย ๕ คน ผู้หญิง ๒ คน ลงจากรถ แล้วช่วยกันฉุดกระชากลากจูงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ลงจากกระบะรถ ซึ่งมีหลังคาอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นปากก็พูดว่า กูไม่ไป อย่ามายุ่งกับกู พูดอยู่อย่างนี้ บรรดาสุนัขเจ้ากรรมทั้งหลายก็ส่งเสียงหอนกันไม่เลิก จนอาตมาขนลุกไปทั้งตัว ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ จึงพอหายกลัวไปได้บ้าง ส่วนคนพวกนั้นกว่าจะขึ้นมาได้ ก็ต้องช่วยกันจับแขน จับขาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา พอมาถึงหลวงพ่อ ผู้หญิงคนนั่นก็ด่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ ซึ่งท่านก็เฉยไม่แสดงอาการอะไร จนผู้หญิงคนนั้นเลิกด่า ท่านจึงถามโยมที่มาว่า มาแต่ไหนกันเล่า โยมตอบว่ามาจากหนองปลาไหลครับ ท่านก็ถามอีกว่า เป็นอะไรมาล่ะ โยมที่มาก็แย่งกันเล่าให้ท่านฟังว่า ไม่รู้มันเป็นอะไรหลวงพ่อ มันไปไร่กลับมาตอนค่ำ มันก็มีอาการแปลกๆ กลางวันมันเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ปิดประตูหน้าต่างหมด ข้าวปลาไม่กินเลย มันจะกินแต่ของสดๆคาวๆเท่านั้นแหละ พาไปหาหมอ หมอตรวจดูก็ไม่เป็นอะไร บางคนก็ว่าผีเข้า หมอผีที่เขาว่าเก่งๆก็ไปหามาทั่วก็ไม่หาย พระอะไรที่ว่าเก่งๆก็ตระเวนไปหามาหลายวัดแล้วหลวงพ่อ จนมีคนเขาบอกว่าให้พามาหาหลวงพ่อนี่แหละ จึงได้พากันมา กว่าจะมาถึงก็ต้องถามเขามาเรื่ิิอย นี่ก็เป็นมา ๗ วันแล้ว ถ้าหลวงพ่อรักษาไม่หาย ก็จะไม่รักษาแล้วล่ะ จะปล่อยให้มันตายไปนี่แหละ ไม่รู้ตะทำยังไงแล้วหลวงพ่อ
    . เมื่ิอถึงตอนนี้หลวงพ่อท่านได้ถามผู้หญิงที่ป่วยว่า เอ็งเป็นอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ตอบ ท่านจึงถามอีกว่า เอ็งชื่ออะไร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า บอกไม่ได้ ท่านก็ถามอีกว่า ใครใข้เอ็งมา ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า ยอกไม่ได้ โยมที่มาด้วยกันก็ช่วยถามอีกว่า มึงก็บอกท่านไปสิ ผู้หญิงคนนั่นก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก โยมก็ถามอีกว่าใครไม่ให้บอก เขาก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก ตอบอยู่อย่างนั้น หลวงพ่อจึงถามว่า เอ็งจะเอาอะไร รึจะกินอะไร ผู้หญิงคนนั่นตอบทันทีเลยว่า อยากจะกินใส้หมู ไส้ไก้ หลวงพ่อท่านก็ตอบไปว่า ที่วัดนี้ไม่มีให้หรอก ไส้หมู ไส้ไก่อะไรนั้นน่ะ มีแต่น้ำมนต์นี่แหละ เอาไปกินก่อน ว่าแล้วท่านก็ใช้แก้วตักน้ำมนต์ในบาตร ซึ่งอยู่ข้างๆท่านส่งให้ โยมที่เป็นผู้ชายค่อนข้างอายุมากหน่อยก็รับน้ำมนต์จากท่านไปให้หญิงคนนั้นกิน แต่หญิงคนนั้นไม่ยอมกินปัดป้องเป็นพัลวัน พอน้ำมนต์หก รดถูกตัว ก็กรีดร้องอย่างโหยหวล จนพระเณรที่อยู่ตามกุฏิแตกตื่นมาดูกันทั้งวัด เมื่อหญิงคนนั้นไม่ยอมกินน้ำมนต์ ท่านจึงเอาน้ำมนต์พรมให้ หญิงคนนั้นก็ร้องดิ้นไปดิ้นมาอยู่อย่างนั้น ปากก็ร้องว่าร้อนๆไม่หยุด จากนั้นหลวงพ่อท่านก็นั่งดูอยู่ครู่หนึ่ง ท่านจึงหยิบด้ายมงคลที่ีอยู่ข้างๆมาจับเป็นมงคลคล้ายสร้อย แล้วบริกรรมอยู่ครู่หนึ่ง ท่านก็บอกว่า เอ้าเอาไปสวมคอดูซิ โยมผู้ชายคนเดิมก็รับด้ายมงคลไป หญิงคนนั้นพอเห็นด้ายมงคลเข้าไปใกล้ตัวเท่านั้นแหละ รีบถอยหลังหนี โยมที่มาด้วยกันต้องช่วยกันจับไว้ แต่หญิงคนนั้นก็ดิ้นจนสุดฤทธิ์ พอได้จังหวะ โยมผู้ชายก็เอาด้ายมงคลใส่คอทันที พอด้ายมงคลใส่เข้าไปเพียงศรีษะเท่านั้น หญิงคนนั้นก็กรีดร้องอย่างสุดเสียง แล้วมีอาการประหนึ่งว่าโดนถีบอย่างแรงหงายท้องทันที พอดีกับโยมที่นั่งอยู่ข้างๆรับศรีษะเอาไว้ทัน หญิงคนนั้นก็แน่นิ่งไป ตลอดเวลาที่หญิงคนนั้นร้องอยู่ สนัขทั้งหลายก็หอนโหยหวลอยู่อย่างนั้น พอหญิงคนนั้นนิ่งไป บรรดาสุนัขก็หอนรับกันไปเป็นทอดๆ ตั้งแต่กุฏิหลวงพ่อจนถึงท้ายวัดเลยทีเดียว
    . เมื่ิอสงบลงแล้ว หญิงคนนั้นก็รู้สึกตัวแต่ก็งงไปหมด ถามว่าที่นี่ที่ไหน แล้วฉันเป็นอะไร พวกที่พามาก็อนะนำให้กราบหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง
    เขาตอบว่า ไม่รู้สึกตัวเลยหลวงพ่อ จำได้ว่าไปจุดมันจนเย็นค่ำจึงกลับบ้าน พอเดินมาผ่านจอมปลวกใหญ่ข้างทางก็ไม่รู้ตัวอีกเลย จนถึงตอนนี้แหละ
    หลวงพ่อท่านจึงแนะนำว่าหากพวกเรารู้จักไหว้พระ สวดมนต์ ก็จะไม่มีภูติผี ปีศาจ อะไรมากล้ำกราย แล้วท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ทุกคนที่มา แต่โยมเขาขอด้ายมงคลเอาไปใส่คอด้วย ท่านก็ทำให้ทุกคน แต่ละคนก็ขอนำไปเผื่อลูกหลานอีก .ซึ่งท่านก็ทำให้ตามประสงค์ จากนั้นพวกโยมก็พากันกราบลากลับ เมื่อโยมลงจากกุฏิหลวงพ่อแล้ว อาตมายังสงสัยอยู่จึงเข้าไปถาม โยมที่มาว่า โยมนัดหลวงพ่อไว้หรอ เขาตอบว่าเปล่า ไม่ได้นัด ตั้งใจอธิฐานมาตั้งแต่บ้านว่าจะมาขอให้เจอหลวงพ่อ แล้วก็มากันเลย แล้วโยมก็พากันขึ้นรถกลับไป และเวลากลับนี้ สุนัขก็ไม่ได้หอนรับเหมือนตอนที่มา ตอนนั้นอาตมาสงสัยว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ว่าใครจะไปจะมา อีกอย่างในขณะปี ๒๕๓๖ นั้นที่วัดบัลลังก์ก็ยังไม่มีโทรศัพย์ใช้เลย เพิ่งจะมีโทรศัพย์ใช้ครั้งแรกเมื่อปลายปี ๒๕๓๗ แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ใช้ รองเจ้าอาวาสเป็นผู้ใช้อีกต่างหาก จากเรื่องนี้ จึงทำให้เห็นได้ว่า หลวงพ่อท่านมีอภิญญาสมาบัติและญาณอันแก่กล้า สมกับเป็นพระผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนโดยแท้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จกรุหลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์สุพรรณบุรีปี๒๕๒๕แตกกรุปี๒๕๔๐

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250724_234304.jpg IMG_20250724_234347.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    FB_IMG_1753377275078.jpg FB_IMG_1753378015964.jpg
    หลวงพ่อหมอ สุดยอดพระเกจิ เพื่อนรักของหลวงพ่อคูณ พระเกจิองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาสูบให้
    พระสงฆ์ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยกย่องว่าเป็น
    “…เจ้าของธนาคาร…”
    ขออนุญาตยกบทความของคุณพยุงศักดิ์ เศรษฐมาตย์
    ที่ได้รวบรวมเรื่องราวของท่านไว้
    มาเผยแพร่บารมีองค์หลวงพ่อนะครับ
    : #เจ้าของธนาคาร :
    ครั้งหนึ่ง ราวปี พ.ศ 2532
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    มาร่วมงานเททองหล่อพระที่วัด
    แห่งหนึ่งใน อ.ท่าเรืองานนั้น
    หลวงพ่อหมอ ก็ไปร่วมงานด้วย
    ผู้คนที่มาในงานต่างมาห้อมล้อม
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    กันมากมายเพื่อกราบขอเมตตา
    ขอบารมีจากท่าน
    ระหว่างที่ผู้คนห้อมล้อมท่านอยู่นั้น
    หลวงพ่อฤษีลิงดำ ก็ได้ชี้ไปที่
    หลวงพ่อหมอที่นั่งอยู่คนละฝั่งกัน
    กับท่านแล้วพูดว่า
    " ผู้ใดมีบารมี ผู้ใดจะโชคดีโน้น...
    ไปขอหลวงพ่อหมอโน้น นี้แหล่ะ
    เจ้าของธนาคารตัวจริง
    ไปกราบขอท่านไป "
    เป็นคำกล่าวของครูบาอาจารย์ผู้รู้ซึ้ง ซึ่งภูมิธรรมของกันและกัน
    " ปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์ ".
    หลวงพ่อประเสริฐ(หมอ) โอภาโส
    วัดโคกกระต่ายทอง ท่าเรือ อยุธยา
    พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา
    วาจาสิทธิ์หูทิพย์ ตาทิพย์
    วัตรปฏิบัติแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ
    จนชาวบ้านหาว่าท่านเป็น " พระบ้า "
    คน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นับถือท่านมาก
    เรื่องโชคลาภนั้นเป็นเลิศนัก
    ผู้สร้างตำนานโรงทานอันลือลั่น
    ฝ่ามือมหาลาภ วัตถุมงคลท่านศักดิ์สิทธิ์นัก
    เรื่องหวยเรื่องเบอร์นั้นท่านโดงดังมาก
    แนวทางปฏิบัติ กิน เดิน นั่ง นอน ท่านจะภาวนาตลอดเวลา กิจสำคัญของท่านที่ขาดไม่ได้เลยคือการ ออกบิณฑบาต
    โปรดญาติโยม เรื่องราวพิสดาร
    ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์
    อัศจรรย์พันลึก วัตรปฏิบัติแปลกๆ
    จนชาวบ้านเรียก " พระบ้า "
    ปริศนาธรรมคำคมหลวงพ่อหมอ
    * ศรัทธาตัวเดียว
    ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
    ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน *
    * ธรรมะต้องเกิดในดวงจิต
    ดวงใจถึงจะเป็นของจริง *
    * สมาธิเปรียบเหมือนต้นไม้ ศีลเหมือนพื้นดินสมาธิอาศัยศีล เหมือนต้นไม้อาศัยดิน *
    * เรากางร่มก่อน ร่มถึงจะมากางเรา
    ถ้าเรามีศีลมีธรรมแล้ว ศีลธรรมก็มารักษาเราเป็นเรื่อง ปัจจัตตัง อัตตะโน นาโถ
    (ทำเอง รู้เอง เห็นเอง) *
    เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดาร ปาฏิหาริย์ ประสบการณ์ต่างๆ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง
    จากบันทึกของศิษย์และคำบอกเล่าจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน
    เรื่องราวปาฏหาริย์ พิสดารลึกลับ
    ของหลวงพ่อหมอ ยังมีอีกมากเล่ากันเจ็ดวันเจ็ดคือก็ไม่หมด เอาพอหอมปากหอมคอ
    ให้รู้ว่า พระดีๆ เก่งๆ ที่ทรงฤทธิ์อภิญญา แบบนี้ยังมีให้เราได้ค้นหากันอยู่
    " โยมไม่ทันท่าน แต่ได้พระท่านไปบูชา ก็เหมือนได้แก้ววิเศษของท่านแล้ว "
    ( หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้กล่าวไว้ )
    ชาติภูมิ
    หลวงพ่อหมอ โอภาโส
    ถือกำเนิดในสกุล จันทรส ณ บ้านบักเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
    เกิดเดือน ๑๒ ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๘
    เดิมท่านชื่อว่า เพชร แล้วเปลี่ยนมาเป็น ประเสริฐส่วนชื่อ หมอ นั้นชาวบ้านพร้อมใจกันตั้งให้ท่านเพราะกิตติศักดิ์ของท่านนั้นเอง
    หลวงพ่อหมอ ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์อีกรูปหนึ่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัตชอบ ท่านใช้ชีวิตในสมณเพศอย่างเป็นประโยชน์ยิ่ง ไม่เคยสะสมเงินทองมาเป็นของส่วนตัวมีเท่าไหร่ท่านนำไป บริจาก สร้าง แจก เพื่อก่อประโยชน์ต่อบวรพุทธศาสนา เลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่อยู่ในความอุปการะคุณของท่านทั้งหมด
    สงเคราะห์ญาติโยมผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    จากวัตรปฎิบัติแบบแปลกๆ ของท่าน เเม้ยางคนที่ไม่เข้าใจ มองท่านอย่างผิวเผินว่าท่าน ออกจะแปลกๆ พิกลไม่เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป
    การออกธุดงค์ของทาานก็แปลก ไม่เคยมีกลดหรือมุ้งติดตัวเลย จะมีเพียงแค่จีวรห่มกาย และบาตรใบเดียวเท่านั้น
    แต่เมื่อได้สัมผัสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ
    วัตรปฏิบัติ อุบายธรรม หลักคำสอนต่างๆ ของท่านแล้ว ความสงสัยในตัวท่านนั้น ก็จะคลายสิ้น.
    ______________________________
    : #นวโกวาทเป็นครู :
    หลวงพ่อหมอ ท่านว่าท่านเอาตำราเป็นครู
    เอานวโกวาทเป็นครู ภูมิธรรมที่เกิดขึ้นนั้นได้จากตำรา
    หลวงพ่อหมอ เคยปรึกษาหารือสนทนาธรรมกันกับ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ถึงนวโกวาท
    ซึ่งในนวโกวาทนี้เขาบอกไว้ทุกเรื่อง ทุกเหลี่ยมทุกมุม
    แต่ไม่ปฏิบัติกัน
    ท่านว่าคนที่จะบรรลุธรรมะ คือ ศรัทธาตัวเดียว ไม่ได้เรียนมามากท่านเอ่ยตามพระวินัยสนใจให้มากรักษาตามนวโกวาทให้ดีๆ
    ศรัทธาตัวเดียว ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน.
    ___________________________
    : #หมอ :
    ที่มาของคำว่า หมอ
    ที่ อ.ตะพานหินคือมีญาติโยมผู้หญิงที่ตั้งท้องมากราบ หลวงพ่อหมอ แล้วถามว่าเด็กในท้องเป็นยังไง ปรากฏว่าหลวงพ่อหมอ ท่านบอกเพศ วัน เดือน ปี ที่เด็กจะเกิดไว้ ชึ่งพอถึงเวลาก็คลอดตามที่หลวงพ่อพูดตรงทั้งหมด ทำให้เป็นเรื่องที่แปลกมาก คนท้องในสมัยนั้นแห่กันมาถามหลวงพ่อจนวุ่นวาย
    เท่านั้นยังไม่พอบางคนมาขอให้ท่านแผ่บารมีรักษาอาการเจ็บป่วยให้หาย ท่านก็รักษาตามนิมิตของท่านบางท่าน หลวงพ่อหมอ ให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวสามชามก็หาย
    บางคนโดนท่านถีบ ท่านพลักก็หายหรือบางท่านโดนตบก็มีส่วนใหญ่ ญาติโยมไปหาหลวงพ่อแล้วท่านทำให้หายหมด คนตะพานหินจึงเรียกท่าน หลวงพ่อหมอ ตั้งแต่นั้นมา
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ เป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    การธุดงค์หลวงพ่อหมอ มีอัฏฐบริขารติดตัวเพียงจีวรห่มกาย และบาตรเท่านั้น กลดมุ้งไม่เคยมีแต่แปลกผิวหลวงพ่อหมอ ไม่มีรอยยุงกัดเลย.
    ______________________________
    : #พระบ้า :
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งชาวตะพานหิน เล่าว่ามีชาวบ้านแถวบ้านตนเอง ไปดูหลวงพ่อหมอ อยากรู้ว่าพระบ้าเป็นอย่างไร ก็ได้พบหลวงพ่อหมอ เมื่อได้สัมผัสหลวงพ่อหมอ อย่างจริงจังแล้วขนลุกรู้สึกได้ทันทีว่า
    พระองค์นี้ไม่เพียงมิใช่พระบ้า แต่เป็นพระที่ไม่ธรรมดาและเป็นพระที่เก่งมากๆ เสียด้วย นึกคิดอะไรในใจท่านรู้หมด ก่อนหวยออกไม่กี่นาที
    หลวงพ่อหมอ ท่านได้เขียนเลขเล่นๆ ไว้ 6 ตัว พอหวยออกมา รางวัลที่ 1 ออกตรงแป๊ะไม่มีคลาดเคลื่อนเลยทั้ง 6 ตัว
    แบบนี้จะเป็นพระบ้าได้อย่างไร.
    ______________________________
    : #ยาสีฟันรักษาโรคประหลาด :
    คนนครสวรรค์ผู้หนึ่ง ได้ดูถูกปรามาสว่า
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระผีบ้า
    จู่ๆได้เกิดเป็นโรคประหลาด เป็นก้อนเนื้อขึ้นตามผิวหนังของแขนทั้งสองข้าง ไปหาหมอรักษาโรงบาลไหนก็ไม่หาย รู้สึกปวดทรมานมาก
    ก็เลยนึกได้ว่าก่อนเป็นนั้น ตนเองนั้นได้ดูถูกปรามาสหลวงพ่อหมอ ว่าเป็นพระผีบ้า
    ก็เลยจะมาขมาหลวงพ่อหมอ
    เมื่อเจอหน้ากัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร
    หลวงพ่อหมอ ถามขึ้นก่อนโดยทันทีว่า
    " เป็นบ้ามั๊ย โยมคนนี้จึงตอบท่านไปว่า ไม่บ้าครับ หลวงพ่อหมอ ก็พูดขึ้นว่า เอ้อ..แก่ก็ยอมรับแล้วว่า ข้าไม่บ้า แล้วหลวงพ่อหมอ ก็บอกให้ไปซื้อยาสีฟันจากร้านที่ท่านบอก ให้เอามาทาแล้วจะหายภายใน 7 วัน "
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่ยาสีฟันที่หลวงพ่อหมอ
    บอก ให้ไปซื้อมาทา สามารถรักษาอาการทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดที่เป็นอยู่นั้น หายอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ไปรักษาจากโรงพยาบาลมาหลายแห่งแล้วไม่หาย.
    _____________________________
    : #จากตะพานหินสู่วัดโคกกระต่ายทอง :
    หลังจากที่หลวงพ่อหมอได้อยู่สร้างความเจริญทางวัตถุที่วัดพฤษะวันโชติการาม
    ควบคู่กับปลูกฝังรากแห่งความศรัทธาต่อบวรพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นและฝังลึกในจิตใจชาวตะพานหินและละแวกใกล้เคียงเป็นเวลาหลายปี
    ร้านค้าชาวจีนหรือเหล่าศิษย์ในอ.ตะพานหิน
    จะมีรูปท่านบนหิ้งพระทุกร้าน
    พระอาจารย์ทองอยู่ แห่งวัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    ได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ไปพบท่าน
    จึงขอให้ท่านนำกฐินมาทอดที่
    วัดบัวงาม ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เมื่อท่านนำกฐินมาทอดแล้ว
    ชาวบ้านท่าเรือเลื่อมใสศรัทธาท่านมากต่างปรึกษากันว่าจะหาวัดให้ท่านมาอยู่ จึงนิมนต์ให้ท่านมาอยู่ที่ วัดโคกกระต่ายทอง ซึ่งวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่มาก เป็นวัดร้างมานานแล้ว อยู่ที่ ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา.
    ______________________________
    : #เดินข้ามแม่น้ำป่าสัก :
    ครั้งหลวงพ่อหมอ มาอยู่ วัดโคกกระต่ายทอง ท่านได้นั่งรถไฟมาลงที่ท่าเรือ แล้วเดินเท้ามายังวัดชุมแสง เพื่อที่จะข้ามท่าเรือ มายังวัดโคกกระต่ายทอง
    ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งแม่น้ำกัน
    ขณะที่หลวงพ่อหมอ มาถึงท่าวัดชุมแสงนั้น เป็นเวลาค่ำแล้วจึงไม่มีเรือข้ามฝากไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    ทันใดนั้นหลวงพ่อหมอ ได้เดินลงเหยียบบนผิวน้ำอัศจรรย์ยิ่งตัวท่านยืนอยู่เหนือผิวน้ำแล้วเดินข้ามแม่น้ำไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    โดยที่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ว่าเห็นพระเดินข้ามแม่น้ำ บ้างก็ว่าท่านเหยียบยืนบนฝาบาตรลอยข้ามแม่น้ำในครั้งนั้น
    จนเป็นที่กล่าวขานล่ำลือไปทั่วในเขต อ.ท่าเรือ ในสมัยนั้น
    (เรื่องราวจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน).
    ______________________________
    : #สหมิกธรรม :
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่
    ให้ความเคารพนับถือ ยอมรับในคุณธรรมของ
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาให้สูบ เรียกว่าท่านเป็นเพื่อนชี้กันเลยทีเดียว ท่านทั้งสองต่างรู้ภูมิกัน
    อันที่จริงหลวงพ่อคูณ ท่านเคารพนับถือในองค์หลวงพ่อหมอ มาก หลวงพ่อหมอ ท่านจะอายุมากกว่า หลวงพ่อคูณ 8 ปี
    หลวงพ่อคูณ ท่านกล่าวว่า
    " หลวงพ่อหมอ เก่งกว่ากูเยอะ ".
    ____________________________
    : #เขาดีกว่ากูอีก :
    หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค นครสวรรค์
    บอกแก่ชาวบ้านช่องแค
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ ทำตัวเป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อหมอ ได้ธุดงค์ผ่านไปแถวช่องแค อ.ตาคลี ชาวบ้านที่พบเห็นต่างโจษขานกัน กับความแปลกประหลาดในวัตรปฏิบัติแปลกๆของท่านที่ไม่เหมือนพระทั่วไป จนชาวบ้านบางส่วนมองท่านว่าเป็นพระบ้า
    ด้วยความสงสัยจึงนำเรื่องราวไปถาม
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ว่ามีพระสติไม่ดีนุ่งจีวรเก่าๆ มาธุดงค์ปักกรด แถวช่องแค ชาวบ้านเอาภัตตาหารไปถวายบางวันไม่ฉันนั่งนิ่งทั้งวัน บางทีชาวบ้านมาพบเจอฉันภัตตาหารกลางคืน
    บางวันมีญาติโยมที่ศรัทธา มานั่งห้อมล้อมเยอะเพราะไปถามอะไรท่าน ในเรื่องที่ตนเองทุกร้อนใจ ท่านรู้ตอบถูกหมด รู้ทุกอย่างที่ชาวบ้านถาม บ้างก็มาให้ท่านทำน้ำมนต์ ให้ดูดวง บ้างก็มารักษาให้ท่านพ่นเป่า บ้างก็มาขอหวย มีทั้งคนที่นับถือ มีทั้งคนที่มาก่อกวนท่าน เพราะหาว่าท่านเป็นพระบ้า
    ชาวบ้านจึงนำเรื่องนี้ไปถามหลวงพ่อพรหม
    ว่าเป็นพระบ้า หรือ อย่างไรกันแน่
    หลวงพ่อพรหม นั่งนิ่งสักพักแล้วท่านบอกกับโยม
    ที่สงสัยในตัวหลวงพ่อหมอว่า
    " เขาดีกว่ากูอีก "
    จึงไม่มีใครกล้าไปตอแยก่อกวนหลวงพ่อหมออีกเลย.
    ______________________________
    : #ฝ่ามือมหาลาภ :
    เรื่องมหาลาภ ของหลวงพ่อหมอนั้นว่ากันว่าขลังเป็นยิ่งนัก
    ฝ่ามือมหาลาภของท่าน นับว่าเป็นของวิเศษนัก
    หลวงพ่อหมอ ท่านจะเน้นไปทางด้าน
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินไม่ขาดมือ
    ในวัตถุมงคลของท่านมักจะมีรูปฝ่ามือมหาลาภของท่าน วางประทับอยู่ด้านหลังวัตถุมงคลนั้นๆ
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือพระสมเด็จ
    จะมีรูปฝ่ามือมหาลาภ ของท่านประทับอยู่ข้างหลังขององค์พระเกือบทุกรุ่น
    ฝ่ามือมหาลาภที่ประทับไว้ด้านหลังวัตถุมงคลของท่านนั้นยังแฝงไว้ด้วยซึ่งปริศนาธรรรม
    ว่าฝ่ามือของท่านนั้นค่อย ช่วยเหลือ ผลักดัน
    ส่งเสริม อุปถัมภ์ค้ำชู มิให้ตกต่ำ
    วัตถุมงคลของท่านนั้นจะดีไปในทาง
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตา ค้าขาย เจริญก้าวหน้า ทำมาหากินคล่องตัว ทั้งยังคุ้มครองป้องกัน
    นักเสียงโชคและคนค้าขาย ควรหามาบูชายิ่งนัก
    วัตถุมงคลของท่านนั้นราคาไม่แพง เพราะคนไม่ค่อยรู้จักท่าน
    แต่ที่น่าแปลกคือหาไม่ค่อยได้ไม่ค่อยพบเจอ.

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตาฝังตะกรุดและเหรียญหลวงพ่อหมอหลังฝ่ามือ ยกชุด ๒ องค์

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250724_235756.jpg IMG_20250724_235820.jpg IMG_20250725_001155.jpg IMG_20250725_001213.jpg IMG_20250725_001234.jpg IMG_20250725_001254.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    okok.jpg

    พระผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา ปี ๒๕๓๔ หลวงพ่อเกษม เขมโก อธิษฐานจิต ผสมผงมวลเก่าผงเนื้อดินที่เหลือจากการสร้างรุ่นเนื้อดินของหลวงปู่ดู่มาผสม และพระก็ได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงพ่อเกษม เขมโก พระผงหลวงปู่ดู่ รุ่นนี้ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกมีพระเกจิร่วมปลุกเสกหลายท่าน เช่น
    1.ครูบาชัยวงศ์ษา
    2.หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน
    3.หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย
    4.หลวงเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา
    5.หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง
    6.หลวงพ่อทิม วัดพระขาว
    7.หลวงพ่อฟื้น วัดโพธิ์เผือก
    8.หลวงพ่อรวย วัดตะโก
    9.หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    10หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
    11.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
    อานิสงส์การภาวนา
    หลวงปู่ดู่ท่านเคยพูดเสมอว่า
    "อุปัชฌาย์ข้า (หลวงพ่อกลั่น) สอนว่า ภาวนาได้เห็นแสงสว่างเท่าปลายหัวไม้ขีด ชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่าช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น ยังมีอานิสงฆ์มากกว่าตักบาตรจนขันลงหินทะลุ"
    พวกเรามักจะได้ยินท่านคอยให้กำลังใจอยู่บ่อย ๆ ว่า
    "หมั่นทำเข้าไว้ หมั่นทำเข้าไว้ ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งภายหน้า"
    เสมือนหนึ่งเป็นการเตือนให้เราเร่งความเพียรให้มาก การให้ทานรักษาศีลร้อยครั้งพันครั้งก็ไม่เท่ากับนั่งภาวนาหนเดียวนั่งภาวนาร้อยครั้งพันครั้ง กุศลที่ได้ก็ไม่เท่ากุศลจิตที่สงบเป็นสมาธิเกิดปัญญาเพียงครั้งเดียว
    คัดลอกจากหนังสือ ผู้จุดประทีปในดวงใจ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250725_003737.jpg IMG_20250725_003714.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,432
    ค่าพลัง:
    +21,416
    FB_IMG_1753381437876.jpg
    เปรตเฝ้าวัด
    ปีนี้ท่านไม่ได้บอกว่าจำพรรษาที่ไหน แต่ได้เล่าต่อไปว่า ออกพรรษาแล้วไปแสวงวิเวกอยู่ที่ถ้ำจำปา บ้านกะลึง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ถ้ำนี้อยู่ในเขตวัดร้างโบราณสร้างสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ประมาณพ.ศ. ๒๐๙๐-๒๑๑๔.
    มีอยู่คืนหนึ่ง เดินจงกรมแล้วนั่งภาวนาจิตสงบเป็นสมาธิ นิมิตเห็นพระภิกษุ ๓ องค์ รูปร่างสูงใหญ่ประมาณ ๘ ศอกคนโบราณเดินเข้ามาหา และห่างออกไปมีแม่ชีอยู่หลายนางเดินไปเดินมาอยู่
    จิตบอกว่า พระ ๓ องค์และพวกแม่ชีที่เห็นนี้ เป็นพวกผีเปรตเฝ้าวัดร้างแห่งนี้แหละ !
    เปรตพระสูงใหญ่ทั้ง ๓ เข้ามาเอามือลูบขาซ้ายพระอาจารย์จันทา แล้วถามถึงอายุพรรษาพระอาจารย์จันทาบอกให้ทราบแล้วจึงถามว่า
    “พวกเราเป็นพระ มีจิตเดียวกัน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วอย่างน้อยต้องได้ไปอยู่สวรรค์ แต่เหตุใดพวกท่านจึงมาตกค้างอยู่วัดนี้ด้วยการเป็นเปรตวิสัย ?”
    เปรตพระได้เล่าให้ฟังว่า สมัยเป็นพระอยู่วัดนี้เมื่อร้อย ๆ ปีมาแล้ว ศีล ๒๒๗ ทำขาดเกือบหมด เหลืออยู่แต่ข้อปาราชิกเท่านั้นที่รักษาไว้ได้
    พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ตอนเป็นพระได้ทำตัวเหมือนชาวบ้านเกือบทุกอย่าง มีอย่างเดียวที่ยังไม่ได้ทำคือ มีเมียหรือได้เสียกับเพศตรงข้าม
    พระอาจารย์จันทาได้เรียกพวกเปรตแม่ชีเข้ามาถาม ก็ทราบว่าพวกแม่ชีทำความชั่วมาแล้วเช่นเดียวกันกับพวกพระ ท่านได้ซักถามต่อไปว่า
    “เป็นเปรตพระ เปรตชีนี้มีทุกข์มากไหม ?”
    ตอบเป็นเสียงเดียวกันอย่างเศร้าหมองว่า มีทุกข์มาก อดอยากไม่ได้กินอะไรเลย หิวโหยอยู่ตลอดเวลา ดินฟ้าอากาศร้อนแห้งแล้งหาที่เย็นสบายไม่มี นอนก็ไม่ได้เพราะอากาศร้อนมาก ต้องเดินไปเดินมาอยู่ทั้งวันทั้งคืนมาเกือบสามร้อยปีแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อะไรต่อไปอีก
    พระอาจารย์จันทาถามว่า
    “พวกเจ้าอยากจะพ้นไปจากภูมิเปรตวิสัยไหม ?”
    “อยากพ้นไปใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จักทำอย่างไร”
    เปรตพระและเปรตแม่ชีตอบเป็นเสียงเดียวกัน ท่านพระอาจารย์จันทาจึงกำหนดจิตถามพระธรรมว่า สมควรจะสงเคราะห์ช่วยเหลือเปรตพระ เปรตแม่ชีพวกนี้หรือไม่ เป็นประการใด ?
    เสียงพระธรรมตอบว่า เปรตพระและเปรตแม่ชีวัดนี้ เคยเป็นญาติกับพระอาจารย์จันทามาแล้วหลายร้อยชาติ วิบากกรรมบันดาลให้มาพบกันอีกในชาตินี้ สมควรที่พระอาจารย์จันทาจะช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นไปจากสภาพเปรตวิสัย
    พระธรรมได้บอกต่อไปว่า ให้เปรตพระและเปรตแม่ชีรับพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ แล้วให้หัดเดินจงกรมบริกรรมภาวนาพุทโธ ๆ ๆ และไหว้พระสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ อย่าหยุด อย่าเกียจคร้าน ถ้าวันใดมีญาติโยมมาทำบุญกับพระอาจารย์จันทา ก็ให้บอกญาติโยมกรวดน้ำอุทิศกุศลให้เปรตพระและเปรตแม่ชีด้วย
    ท่านพระอาจารย์จันทาทราบแล้ว จึงได้ให้เปรตพระและเปรตแม่ชีรับพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ จากนั้นได้สอนให้รู้จักการเจริญภาวนา การเดินจงกรมซึ่งพวกเปรตก็ปฏิบัติตามอย่างตั้งใจ
    ท่านได้เข้าสมาธิสอนเจริญภาวนาให้พวกเปรตกลุ่มนี้อยู่ตลอดหน้าแล้ง ๓ เดือน แม่ชีเปรตนางหนึ่งเข้ามากราบลาว่า
    “ท่านครูบา ดิฉันมีเวรกรรมน้อยกว่าผู้อื่น บัดนี้กรรมเวรหมดแล้ว จะมาขอลาไปเกิดที่บ้านกะลึงเจ้าค่ะ “
    ท่านพระอาจารย์จันทาได้ห้ามไว้ ไม่ให้ไปเกิดบ้านเดิม เกรงว่าจะไปพบกับพระเณรที่ชอบประพฤติชั่ว ละเมิดธรรมวินัยอีก เหมือนชาติก่อนแล้วจะตายมาเกิดเป็นเปรตอีก
    ท่านได้แนะนำ ให้ไปเกิดในอำเภอบ้านผือ ไปเกิดกับพ่อค้าใหญ่เจ้าของโรงสีที่มีจิตใจเลื่อมใสในพระกรรมฐาน หรือจะไปเกิดในเมืองอุดรธานีก็ได้ แต่ให้เลือกเกิดในตระกูลพ่อค้าอาเสี่ยใหญ่ที่มีจิตเลื่อมใสในพระกรรมฐาน
    ก่อนที่จะเกิดกับตระกูลใดให้ตั้งจิตภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ให้แน่วแน่ แล้วอธิษฐานขอเกิดร่วมวงศ์ตระกูลกับเขา แล้วก็จะได้เกิดสมดังปรารถนา เปรตแม่ชีรับคำแล้วก็กราบอำลาไปเกิดใหม่
    จวนจะเข้าพรรษา พระอาจารย์จันทาได้บอกเปรตพระและเปรตแม่ชี ที่ยังไม่หมดเวรหมดกรรม ให้รีบเร่งเจริญภาวนาและรักษาศีล เพื่อช่วยตัวเองให้หลุดพ้นไปจากภพภูมิเปรตวิสัย ส่วนตัวท่านจะไปเข้าพรรษาอยู่กับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ วัดบ้านหนองแซง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือน หลวงปู่จันทา ถาวโร

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250725_012129.jpg IMG_20250725_012156.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...