พระผงเกศาลพ.วิริยังรุ่นแรกพระผงเกศาลพ.รักษ์พระผงคูณลาภลพ.คูณ๑๗เหรียญลพ.ใหญ่จุฬ๒๕๑๐

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1751877789841.jpg

    พระอรหันต์ผู้เข้านิโรธสมาบัติได้
    ครั้งหนึ่งได้มีโอกาศเข้ากราบนมัสการ หลวงปู่เจียง วัดเนินหย่อง จ.ระยอง
    เมื่อถวายสังฆทานทำบุญกับท่านในช่วงที่ท่านว่างๆจากญาติโยม
    อ.วิกรานต์ ได้กราบเรียนถามปัญหาท่านว่า
    เวลาพระที่ธุดงค์อยู่ในป่าแล้วถ้าเกิดเหตุจวนตัวมีไฟไหม้ป่าแล้วถ้าหาทางออกไม่ได้พระธุดงค์เหล่านั้นต้องทำอย่างไรครับ?
    ท่านตอบว่า
    ถวายเป็นชีวิตเป็นพุทธบูชาอย่าอาลัยในชีวิต
    ถ้าตัดใจได้ คนเราถ้าไม่ถึงคราวตาย บุญจะช่วย เทวดาจะช่วยเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่เป็นอะไรมีโอกาศรอด
    แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์บางองค์ท่านก็อธิษฐานเข้า นิโรธสมาบัติ อย่างนี้ก็รอดเหมือนกันแล้วท่านก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    อ.วิกรานต์ จึงเรียนถามต่อว่า
    ถ้าเข้านิโรธสมาบัติแล้วจะร้อนไหมครับ? จีวรไหม้ไฟไหมครับ?
    ถ้าเข้า นิโรธสมาบัติ แล้วนี่มันดับหมดไม่ร้อนไม่รู้สึก
    แต่จีวรนี้ศาลาที่อาศัยนี้ถ้าไม่อธิษฐานไว้ก็เอาเรื่องอยู่นะแต่ตัวไม่เป็นไร
    เมื่อได้รับคำตอบดังนั้นจึงกราบเรียนถามท่านว่าแล้วผมเคยได้ยินมีคนเล่ามาว่า
    หลวงปู่ไปงานเททองแล้วงานนั้นมีอุบัติเหตุ
    ตอนนั้นหลวงปู่ทำอย่างไร?
    ท่านยิ้มๆแล้วท่านก็บอกว่า เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องปัจจัตตัง ของใครของเขานะ เรื่องนี้อย่าพูดเลยเดี๊ยวจะพาคนเป็นบาปกันไปปล่าวๆแล้วท่านก็หัวเราะ
    เลยไม่ได้รับคำตอบจากท่าน
    แต่ผมห็ยังเชื่อว่า
    ท่านคงเข้านิโรธสมาบัติแน่ๆครับและคิดว่าท่านต้องมีญาณทัศนะหยั่งรู้เรื่องในอนาคตว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น
    ท่านจึงนั่งเข้าสมาธิชั้นลึกขนาดนี้
    แล้วท่านหันมาถาม อ.วิกรานต์ ว่าแล้วนี่ภาวนาอย่างไง?
    อ.วิกรานต์ กราบเรียนท่านว่า
    ภาวนาไปเรื่อยๆครับ พุทโธบ้าง นำมอออนี้ถ่อฮุกบ้าง สัมมาอะระหังบ้าง คาถาบ้าง กำหนดรู้บ้างประมาณนี้ครับ
    ท่านว่า ดีๆ ภาวนาอะไรก็ได้ขอให้สงบ
    เมื่อเห็นท่านอารมณ์ดีมีเมตตา
    จึงได้โอกาศอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
    พระอมิตาภะพุทธเจ้า ให้ท่านชมพิจารณา
    ท่านจับขึ้นมาพนมมือแล้วกล่าวว่า
    ของพระ(พุทธเจ้า)โบราณ
    ภาวนาถึงพระองค์ท่านนี้ดีมากนะ
    แล้วท่านถามว่า
    ภาษาจีนเขาภาวนาว่าอะไร?
    จึงกราบเรียนท่านว่า
    นำมออนี้ถ่อฮุก
    ท่านพยักหน้ายิ้มๆ
    ต่อมาภายหลังจู่ๆก็ท่านถามอีกครั้งกับ คุณซัน ว่าภาวนาว่าอะไรนะ?
    ท่านคงลืมเพราะเป็นภาษาจีนซึ่งท่านคงไม่คุ้นกับภาษานี้
    เมื่อ คุณซัน กราบเรียนถวายท่านอีกครั้ง
    ท่านจึงจดไว้แล้วเมตตาท่องภาวนาให้คณะเราได้มีโอกาศฟังจากท่านอีกครา
    นับเป็นบุญแท้ๆในความเมตตาอย่างสูงสุดที่พระเถระผู้เฒ่ามีให้ต่อคณะกลุ่มชมรมสู่ร่มโพธิญาณ
    สิ่งหนึ่งที่แสดงให้ประจักษ์ใจคือ ท่านเปิดกว้างต่อทัศนะคติและความเชื่อต่างๆแม้จะต่างนิกายท่านก็ยอมรับ
    ถ้าหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งดีๆครับ
    ขอน้อมกราบแทบเท้า หลวงปู่เจียง ด้วยเศียรเกล้า

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ปัจจุบันหลวงปู่เจียง มรณภาพแล้ว อายุ ๙๖ ปี

    รูปหล่อรุ่นแรกหลวงปู่เจียง วัดเนินหย่อง ปี๒๕๔๔ พิธีใหญ่

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250707_155853.jpg IMG_20250707_155926.jpg IMG_20250707_155949.jpg IMG_20250707_155831.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    fb_img_1751869136293-jpg.jpg

    ไก่หลวงปู่สรวงขันในโรงพยาบาล
    ---
    เมื่อวานนี้
    สจ.นพจอม งามมีศรี ผู้สร้างเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช และ เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน ได้แวะมาเยี่ยมเยียนกันถึงเมืองอุบลฯ
    ท่านได้เล่าเรื่องที่น่าสนใจให้ฟังดังนี้ : ราว ๔-๕ ปีที่แล้ว หลวงปู่สรวง วรสุทโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ ลพบุรี อาพาธเข้าพักรักษาตัวอยู่ห้องพิเศษในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง(ขอสงวนนาม)
    พยาบาลเวรได้ยินเสียงไก่ขัน จึงเข้ามาถามหลวงปู่ว่า เอาไก่มาไว้ในห้องด้วยหรือ หลวงปู่ปฏิเสธว่าเปล่า แต่เหล่าพยาบาลไม่เชื่อ เพราะว่าได้ยินเสียงไก่ขันกันทุกคน
    เป็นเหตุให้หลวงปู่ต้องล้วงเอาเหรียญไก่ของท่านออกมาแจกพยาบาลคนละเหรียญ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับจาก เฟส อำพล เจน
    ....................................
    เจ้าตำรับไก่ฟ้าพญาเลี้ยง แห่งเมืองลพบุรี
    หลวงปู่สรวง วรสุทโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์
    ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
    ประวัติ
    หลวงปู่สรวง วรสุทโธ หรือ พระครูสุทธิวราภรณ์ นามเดิมชื่อ สรวง นามสกุล พรหมสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันพุธที่ 14 กุมภา พันธ์ พ.ศ. 2476 ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีระกา (วันวาเลน ไทน์) ณ บ้านเลขที่ 1 หมู่ 10 บ้านน้อยนาเวิน ต.โพนเมืองน้อย อ.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี (สมัยนั้น) ปัจจุบันอยู่ในเขตของ จ.อำนาจเจริญ
    หลวงปู่สรวงอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาว พัสตร์ในครั้งแรก ณ พัทธสีมาวัดศรีบุรีรัตนา ราม ต.ปากเพียว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2496 เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในสังกัด คณะสงฆ์มหานิกาย ในครั้งนั้นท่านมุ่งมั่นบวชอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในโอกาสเสด็จนิวัติพระนครพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระ บรมราชินีนาถ จากนั้นดั้นด้นไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่แขม ยอดเกจิขมังเวทย์ที่วัดบ้านพึ่ง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี กระทั่งปลายปี พ.ศ. 2497 ท่านก็ลาสิกขาเดินทางเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ
    ในช่วงชีวิตวัยหนุ่มวัยรุ่นหลวงปู่ใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนทั่วไป นานวันเข้าก็เกิดเบื่อหน่ายทางโลก เพราะมีแต่การแข่งขัน อิจฉาริษยากัน คลั่งไคล้หลงใหลในวัตถุมากกว่าจิตใจ ท่านจึงตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อีกครั้ง อุปสมบทเป็นพระภิกษุใน พ.ศ. 2500 ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายเหมือนครั้งแรก โดยมีเจ้าอธิการคำ อิณณมุตโต วัดบางชะแงะ อ.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี (ในสมัยนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วท่านก็ไปอยู่กับหลวงปู่แขมพระอาจารย์ที่วัดบ้านพึ่ง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เรียนวิชาพระเวทย์อาคมนาน 2 ปี ก็กราบลาเดินธุดงค์ปลีกวิเวกแสวงหาความสงบ
    ระหว่างหลวงปู่สรวงเดินธุดงค์ในป่า มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระป่าสายกรรมฐานหลายรูป เกิดความศรัทธาและสนใจในวิปัสสนากรรมฐานจริงจัง จึงไปกราบพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปรมาจารย์ใหญ่สายพระป่าและหลวงปู่คำบุ ธมมฺธโร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2502 หลวงปู่สรวงท่านได้ญัตติใหม่ (บวชใหม่) ในสังกัดธรรมยุตินิกาย ณ วัดประชานิยม ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จากนั้นศึกษาพระกรรมฐาน ยามว่างก็ไปธุดงค์กับหลวงปู่ขาว อนาลโย พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ พระอาจารย์วัน อุตตโม พระอาจารย์คำบุ ธัมมธโร พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมม วโร แลกเปลี่ยนธรรมะและแนวทางปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนเชี่ยวชาญดี แล้ว ก็กราบลาเดินธุดงค์ไปทั่วสารทิศ เผชิญสัตว์ร้าย สิงสาราสัตว์ ภูตผีปิศาจ มารร้ายนานาชนิด ท่านก็ผ่านมาได้ด้วยความมุ่งมั่นในธรรม
    วันหนึ่งเสมือนทวยเทพเทวาบันดาลหรือบุญวาสนาเกื้อหนุนก็สุดจะคาดเดา หลวงปู่สรวง ธุดงค์ผ่าน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เกิดนิมิตประหลาดเห็นเทพเทวา 3 องค์เหาะมาหา พาไปเที่ยวชมถ้ำพรหมสวัสดิ์ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี พร้อมบอกว่า “ถึงเวลาต้องกลับมาสร้างบารมีในที่เก่าของท่านแล้ว” สมัยนั้นถ้ำเขาพรหมสวัสดิ์เลื่องลือเรื่องผีดุมาก ในถ้ำมีโครงกระดูกคนโบราณ ซากช้าง ม้า วัวควายตายเกลื่อน ยามโพล้เพล้ไม่มีใครกล้าเดินผ่าน แต่หลวงปู่กลับไม่หวั่นไหวเดินเข้าไปปักกลดพำนักในถ้ำ มีงูเหลือมยักษ์มานอนเป็นเพื่อนทุกคืน ทีแรกชาวบ้านตกใจกันมาก จนกลายเป็นความศรัทธาเริ่มแวะเวียนไปทำบุญใส่บาตร และช่วยพัฒนากลายเป็นวัด โดยใช้นามสกุลของท่านตั้งชื่อวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ และพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองตราบเท่าทุกวันนี้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระกริ่งมเหศักดิ์หลวงปู่สรวง วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ ลพบุรีออกวัดหนองกระทุ่ม สระบุรี มีไก่ฟ้า ๒ ตัว ด้านฐานหลัง พระกริ่ง เลข ๘๔

    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    img_20250707_131228-jpg.jpg img_20250707_131303-jpg.jpg img_20250707_131331-jpg.jpg img_20250707_131151-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2025 at 07:13
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    วันนี้จัดส่ง
    1751885702514.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  4. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,021
    ค่าพลัง:
    +5,723
    จองครับ
     
  5. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,185
    ค่าพลัง:
    +1,221
    โอนแล้วครับ 07/07/68 เวลา 21.43 น.จำนวน 330 บ.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1751875671792.jpg

    เหรียญ โภคทรัพย์มหาสมบัติ หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง เนื้อกะไหล่ทอง ไร้(หู)ห่วง
    หลวงพ่อยังเรียนอยู่กรุงเทพฯ ได้เริ่มสนใจในทางปฏิบัติเพื่อหาความสงบทางใจ จึงเรียนรู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดโพธิ์ท่าเตียน ได้ความรู้มาพอสมควร พร้อมกันนั้นยังมีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้จากท่านอาจารย์พระครูใบฎีกาเกลี้ยง วัดสุทัศนเทพวนาราม ซึ่งเป็นพระฐานานุกรมและศิษย์ผู้ใกล้ชิด สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว)
    ถือว่าเชี่ยวชาญทางด้านสร้าง...ลบผงพุทธคุณ
    ต่อมา...เมื่อได้ข่าวว่าในอำเภอบางระจันมีพระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาอาคมอยู่รูปหนึ่ง มีผู้คนนับถือ เคารพ ศรัทธาและเกรงกลัวกันมากด้วยเพราะวาจาท่านนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ชื่อว่า “หลวงพ่อศรี” เจ้าอาวาสวัดพระปรางค์ จึงได้เดินทางไปฝากตัวเพื่อขอเป็นศิษย์ เรียนรู้ ปฏิบัติ จนกระทั่ง...ได้เป็นศิษย์เอกคนหนึ่ง
    หลวงพ่อศรีเมตตาสอนวิทยาอาคมให้ “หลวง-พ่อแพ” อย่างไม่ปิดบัง บันทึกที่เผยแพร่ออกมาระบุว่า ขณะที่มีการก่อสร้างพระอุโบสถ หลวงพ่อศรีก็แนะนำให้สร้างแหวน และทุกครั้งที่สร้างเสร็จก็นำไปถวายหลวงพ่อศรีปลุกเสก...ซึ่งท่านก็ยังไถ่ถามหลวงพ่อศรีด้วยว่า สร้างแล้วคนนิยมกันไหม?
    หลวงพ่อท่านบอกว่า...นิยมมาก ให้สร้างมากๆ และด้วยเมตตาจากหลวงพ่อศรีนี่เอง ทำให้หลวงพ่อแพได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ได้สำเร็จแล้วเสร็จภายในช่วงเวลาเพียง 2 ปีกว่าๆเท่านั้น
    อีกครั้งกับเรื่องราวเกี่ยวกับการหล่อ “สมเด็จทองเหลือง”
    อาจจะกล่าวได้ว่าเมื่อหลวงพ่อแพมีบารมีมากขึ้น ผู้คนศรัทธากันมากจากทั่วสารทิศ ด้วยวิชาอาคมแตกฉานเชี่ยวชาญ วัดหลายแห่งก็ต่างนิมนต์ท่านไปเป็นประธานในการก่อสร้างวัด พระวิหาร ถาวรวัตถุมากมาย...และในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2493 วัดแถบอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ก็ได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมงาน
    เราเพลียมากจึงชวนศิษย์ไปจำวัดที่หอสวดมนต์ มีหลายคนนอนอยู่ก่อนแล้ว ก่อนนอนเอาผ้าอาบน้ำฝนใส่ไว้ในย่าม คิดว่าคนที่นอนอยู่คงเข้าใจว่าเป็นเงิน ด้วยความอ่อนเพลียจึงหลับไป...
    เช้ามืดพอตื่นจากจำวัด ปรากฏว่าย่ามหายไปแล้ว จึงแจ้งทางวัดทราบ สิ่งของในย่ามก็มีเพียง ของเล็กๆน้อยๆ แต่ของที่สำคัญคือ...พระสมเด็จวัดระฆังฯ” หลวงพ่อแพกล่าว
    พระสมเด็จฯองค์นี้ได้รับมาจากโยมวัดชนะสงคราม เป็นของแท้และมีคุณค่าทางจิตใจ เสียดายอย่างมาก...ญาติโยมรู้ข่าวก็ช่วยกันติดตาม ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้รับของคืนมาครบทุกชิ้น ยกเว้นพระสมเด็จฯ สอบถามคนขโมยก็ยอมรับว่าเอาไปขายให้คนคนหนึ่งไม่รู้ชื่อ ไม่สามารถติดตามคืนมาได้.
    พระเครื่อง...“หลวงพ่อแพ” ที่เด่นดังมีมากมายหลายต่อหลายรุ่น หากจะนับทั้งหมดกล่าวกันว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 300 แม่พิมพ์ อาทิ พระสมเด็จฯ พระนางพญา พระรอด พระปิดตา พระลีลาทุ่งเศรษฐี พระสีวลี พระขุนแผน พระผงรูปเหมือน นางกวัก พระสังกัจจายน์ ฯลฯ...
    ว่ากันว่าท่านมุ่งหมายให้วัตถุมงคลที่จัดสร้างนั้นมีความเข้มขลัง ศักดิ์สิทธิ์ เรื่องสำคัญคือการปลุกเสก ลงวิชาอาคม อำนาจจิตด้วยอานุภาพแห่งพลังบริสุทธิ์ เพื่อให้ขลัง แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เวป นสพ.ไทยรัฐ


    หลวงพ่อแพเป็นศิษย์หลวงปู่สีวัดพระปรางค์อาจารย์องค์เดียวกันกับหลวงพ่อกวยเวลาปลุกเสกสมัยก่อนร่วมพิธีกันหลายครั้ง
    เหรียญโภคทรัพย์มหาสมบัติกะไหล่ทอง

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20250707_153928.jpg IMG_20250707_153958.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    images-201-jpg-jpg.jpg

    หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ อยุธยา ท่านเคยกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า มีพระอาจารย์ที่ท่านสัมผัสได้ว่าเก่งจริง ของจริง อยู่ 4 รูป
    1.หลวงพ่อจุ้ย วัดพงษาราม จ.ฉะเชิงเทรา
    2.หลวงพ่อเม็ด วัดบึงกระจับ จ.ฉะเชิงเทรา
    3.หลวงพ่อกวย วัดบ้านแค จ.ชัยนาท
    4.หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี
    สำหรับ 2 องค์แรก ท่านน่าจะรู้จักสนิทสนม คงเป็นช่วงที่ท่านได้หลบไปจำพรรษาอยู่ที่ฉะเชิงเทรา ในช่วงปี 2507-08 (ช่วงนั้นทางการขอให้หลวงพ่อเลิกสัก เพราะพวกที่สักไปเป็นโจรแล้วจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน)
    พระครูวิชัยบุญสาร นามเดิม บุญมี (เม็ด) นามสกุล จันทรสุวรรณ์ เกิดวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๔๙ ที่บ้านบึงกระจับ หมู่ที่ ๑๐๐ตำบลหนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ เฉย มารดาชื่อ ชม นามสกุล จันทรสุวรรณ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๔ คนคือ ๑ นางเหลี่ยม ทัพมงคล ๒. นายล้วน จันทรสุวรรณ์ ๓. พระครูวิชัยบุญสาร (บุญมี หรือ เม็ด) ๔ นายหนู จันทรสุวรรณ์ ในวัยเด็กหลวงพ่อได้ศึกษาหาความรู้จนอ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุครบเกณฑ์ได้เข้าอุปสมบท ที่วัดบึงกระจับในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๖๙ พระสมุห์ก้อย วัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้เริ่มการทำวัติปฏิบัติ ฝึกการเจริญสมาธิ ใช้จิตภาวนาและเรียนวิปัสสนากัมมัฎฐานได้ออกธุดงค์วัตรเพื่อเสาะแสวงหาอาจารย์และสถานที่อันสงบวิเวก
    จวบจนกระทั่งปี ๒๔๘๐ ได้รับอาราธนาให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบึงกระจับ ซึ่งขณะนั้นจัดได้ว่าวัดกำลังอยู่ในช่วงต้องการผู้ดูแล เนื่องจากทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก เมื่อท่านได้เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแล้ว ได้สร้างผลงานเอาไว้เป็นอันมาก
    เป็นพระดังแบบเงียบๆไม่มีนักเล่นพระมาเชียร์ เพราะวัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยมีไม่กี่สิบรุ่น ไม่มีนายทุนที่เป็นพุทธพาณิชย์มาจัดสร้างพระของท่าน หลวงพ่อเม็ด หรือ หลวงพ่อบุญมี ถ้าท่านเป็นพระไม่ดีจริง เชื่อว่า หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร คงไม่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านแน่ โดยเฉพาะหลวงพ่อจำเนียร ไปที่วัดนี้บ่อยมากเพื่อขอเรียนวิชา ในสมัยที่ท่านมีชีวิต หลวงพ่อเม็ด ก็มักจะได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องตามวัดต่างๆโดยเฉพาะในเขตตะวันออก เช่น พิธีปลุกเสกพระกริ่งพุทธวิชิตมาก ของวัดท่าเกวียน ปี ๒๕๑๔ พิธีปลุกเสกเหรียญนวมหาราชปี๒๕๓๐ เป็นต้น
    สำหรับวิชาลูกอมนี้ นอกจากจะมีพุทธคุณทางคงกระพันแคล้วคลาดกันเขี้ยวงาแล้ว อาถรรพ์ในป่าลึกหรือสถานที่มีวิญญาณมาก ยัง กันพรายน้ำ และ กันสิ่งแปลกปลอมอาถรรพ์ที่ปะปนมากับสายน้ำด้วยการทำวิชาทำคุณไม่ได้ทำกันมาตามอากาศทางเดียว ใครที่ว่าแน่ๆเสร็จทางน้ำกับพวกพรายและวิชาที่ทำมาทางน้ำทั้งนั้น เพราะเมื่อหมดสติก็จมน้ำ ขาดอากาศหายใจน้ำแค่คืบก็ตาย
    เรื่องพรายน้ำหลวงพ่อเม็ดดังมาก มีหนังสือพระรายเดือนหลายปีก่อนเขียนประวัติท่านไว้ด้วย ว่าท่านสามารถจับ พรายน้ำ ขึ้นมาได้ โดยนำสายสิญจน์มีดินเหนียวเป็นลูกตุ้มหย่อนลงน้ำ ท่านอยู่บนแพแล้วลากแพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายสิญจน์ มีอาการเหมือนปลาติดเบ็ด เมื่อดึงขึ้นมาปรากฏ มีสิ่งมีชีวิตตัวใสเหมือนแมงกะพรุน หน้าตาเหมือนเด็กเหี่ยวๆมีฟันแหลม ดิ้นไปมาปรากฏพ่อเด็กที่ถูกพรายน้ำตัวนั้นเล่นงานตรงเข้ามากระทืบเละคาเท้าเลย อาการเมื่อโดนพรายน้ำทำร้ายคือ ขาจะชาไม่มีแรงจมน้ำเข้าใจว่าพรายน้ำพวกนี้จะดูดเลือดเป็นอาหาร เพราะใครจมน้ำเสียชีวิตถ้าไม่นานตัวจะไม่ซีดมาก แต่ถ้าโดนพรายน้ำเล่นงานว่ากันว่าเลือดไม่รู้ไปไหนหมดไม่มีเอาเสียเลย ตัวจะซีดและเขียวมากทั้งที่จมน้ำไปไม่เกิน ช.ม. (ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) สาเหตุที่ท่านเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นพิเศษ เพราะหลังวัดท่านเป็นบึงชื่อ บึงกระจับ
    วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำเวลา ๒๒.๒๐ น. ท่านได้มรณะภาพลง สิริอายุรวมได้ ๘๗ ปี พรรษานับได้ ๖๗
    ที่มา : ศรัทธา หลวงพ่อเม็ด (บุญมี) วัดบึงกระจับ / g-pra.com
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อเม็ดวัดบึงกระจับรุ่นแรก
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    img_20231228_174449-jpg.jpg img_20231228_174511-jpg.jpg img_20231228_174410-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2025 at 17:25
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    1751975828483.jpg

    พระเหนือพรมหลังยันต์ตุ๊กตา ปี2534 วัดสะแกจัดสร้างมวลสารหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าร่วมปลุกเสก
    จัดสร้างโดย อาจารย์ ศุภรัตน์ แสงจันทร์ลูกศิษย์ใกล้ชิด หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก หลวงพ่อหวล หลวงตาม้า อธิษฐานจิตปลุกเสก
    อ.ศุภรัตน์ ได้นำเนื้อดิน ผงพุทธคุณและผงวิเศษต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ดู่ ยังทรงธาตุขันธ์อยู่ นำมาผสมกดพิมพ์สร้างพระเหนือพรหม หลังยันต์ตุ๊กตา (ยันต์องค์พระ) ซึ่งเป็นยันต์เอกลักษณ์ปั๊มหลังพระเครื่องหลวงปู่ดู่ จากนั้นจึงขอบารมีหลวงปู่ดู่ผ่านรูปเหมือนหลวงปู่ และนำเข้าพิธีมงคลหลายพิธี

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เลี่ยมพลาสติกออย่างดีพร้อมบูชา

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250708_173347.jpg IMG_20250708_173413.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1751972971936.jpg

    พระนางพญารุ่นแรกหลวงปู่ชอบ ปี ๒๕๓๖ วัดป่าสัมมานุสรณ์
    “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ เลย”
    พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งทวยเทพ
    หลวงปู่ชอบฐานสโมเป็นพระมหาเถระศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตซึ่งทรงคุณธรรมสูงสุดถึงระดับ “พระอรหันต์”
    ดังที่หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เคยปรารภเมื่อครั้งที่ได้ข่าวว่าหลวงปู่ชอบจะมเชียงใหม่ ว่า“ท่านชอบจะมา ‘นิพพาน’ ที่เชียงใหม่หรือ ???!!”
    อีกทั้งหลวงปู่ชอบยังมี “ตาดี” และ “จิตดี” เป็นพิเศษ
    จนแม้พระอาจารย์มั่นยังเคยไว้วางใจให้หลวงปู่ชอบ “รับแขกเทพ”(ต้อนรับ, เทศน์แสดงธรรมให้เทวดาฟัง) และ“จับพระ” (ใช้เจโตปริยญาณตรวจสอบความคิดของพระเณรที่อาจจะเผลอทำ, พูด, คิด ออกนอกลู่นอกทางไปบ้างให้กลับคืนดี)
    อย่างไม่มีผิดพลาด เป็นที่เลื่องลือในศิษย์กรรมฐาน
    แห่งท่านพระอาจารย์มั่นโดยทั่วไปเป็นที่ยิ่งอีกทั้งหลวงปู่ชอบยังมี “เสน่ห์” ในองค์ท่านอย่างเหลือล้นจนเทพเทวดานาคครุฑคนธรรพ์ปรไมไอศวร ฯลฯต่างล้วนมีความรักใคร่ศรัทธาในองค์หลวงปู่ชอบเป็นพิเศษจนถึงขั้นมาคอย TAKE CARE หลวงปู่ชอบในหลายๆ ครั้ง
    จนรอดพ้นภาวะคับขันได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
    ถึงขนาดที่แม้ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง
    ยังต้องออกปากปรารภเลยทีเดียวว่า
    “เทวดารักท่านชอบมาก
    ว่าไปแล้ว เทวดาจะรักท่านชอบมากกว่าท่านพระอาจารย์มั่นเสียอีกนะ”
    ที่มา...
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม (พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งทวยเทพ)
    : อริยสงฆ์แห่งแผ่นดิน ชุดที่ ๑ ชาติภูมิและคำสอน
    จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่หลักคำสอน : ปฐม นิคมานนท์
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=24649
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาญาน คือผู้ทรงความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนามีคุณสมบัติพิเศษ 6 อย่าง
    อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้
    ทิพโสต หูทิพย์
    เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น
    บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
    ทิพจักขุ ตาทิพย์
    อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป
    ท่านมีนิสัยชอบโดดเดี่ยวเที่ยวไปอยู่ในป่า ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยาก ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับหมู่ชนพระเณร เป็นผู้มีความองอาจเด็ดเดี่ยวอดทนเป็นเลิศ ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กล้าได้กล้าเสียในการปราบกิเลส ถึงกับพระอาจารย์มั่นออกปากชมท่ามกลางหมู่คณะพระเณรลูกศิษย์ขององค์ท่านว่า “ให้ทุกองค์ภาวนาให้ได้เหมือนท่านชอบสิ ท่านองค์นี้ภาวนาไปไกลลิบเลย”
    ท่านสามารถแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นภาษาต่างๆ ได้หมด เพียงกำหนดจิตดูว่าภาษานั้นเขาใช้พูดกันว่าอย่างไร ท่านสามารถแสดงธรรมโปรดเทวดา พญานาค ตลอดจนภพภูมิต่างๆได้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบท ความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระนางพญารุ่นแรกหลวงปู่ชอบ ปี ๒๕๓๖ วัดป่าสัมมานุสรณ์

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250708_181141.jpg IMG_20250708_181207.jpg IMG_20250708_181111.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1751982766303.jpg

    "ดั่งคำกล่าวที่หลวงพ่อเชิญได้เคยกล่าวไว้ วัตถุมงคลของข้าก็เหมือนน้ำที่เต็มตุ่ม ข้าเสกข้าใส่ไปจนล้น ใส่ไปจนหมดวิชาที่ข้ามี"...
    ประวัติหลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง อยุธยา
    หลวงพ่อเชิญ เกิดในตระกูล กุฎีสุข ที่หมู่บ้านดงตาล ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2450 มีโยมบิดาชื่อ นายเคลือบ โยมมารดาชื่อ นางโล่ โดยที่หลวงพ่อเชิญเป็นบุตรของพี่น้องทั้งหมด 3 คน น้องสองคนเป็นฝาแฝดหญิงทั้งคู่ ชื่อ นางเจียม และ นางจอม
    เมื่อหลวงพ่ออายุได้ 5 ขวบ โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม จึงต้องอยู่ในความเลี้ยงดูของโยมบิดาแต่ผู้เดียว ยามใดที่โยมบิดาไปทำไร่ไถนา ท่านต้องรับภาระเลี้ยงดูน้องสาวฝาแฝดแทนถึง 2 คน นับเป็นความยากลำบากมากทีเดียว เพราะขณะนั้นท่านเองเพิ่งจะมีอายุ 5-6 ขวบเท่านั้น
    เมื่อท่านอายุได้ 8 ขวบ โยมบิดาพาไปฝาก หลวงพ่อขาบ วัดฤาชัย ที่ตำบลกุฎี ในอำเภอผักไห่ อันเป็นถิ่นกำเนิดของโยมบิดา เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ โดยที่หลวงพ่อเชิญเล่าเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อขาบ 2 ปี จนสามารถอ่านออกเขียนได้พอสมควร
    หลวงพ่อขาบขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี เห็นว่าหลวงพ่อเชิญเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร เฉลียวฉลาดและว่านอนสอนง่าย จึงนำไปฝาก พระครูบวรสังฆกิจ หรือ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา
    หลวงพ่อเพิ่มองค์นี้เป็นพระอาจารย์ที่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมสูงส่ง เชี่ยวชาญทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพียงพร้อมด้วยศีลจารวัตรเคร่งครัดพระธรรมวินัย นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ และเรืองวิทยาคมขลัง เนื่องจากเป็นศิษย์หลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อีกด้วย
    ดังนั้นหลวงพ่อเพิ่มจึงมีชื่อเสียงด้านแก้คุณแก้การกระทำทางไสยศาสตร์และรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ชื่อเสียงของหลวงพ่อเพิ่มสมัยนั้นจึงโด่งดังไม่ต่างกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นสหธรรมิกที่มีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเพิ่ม 5 ปี
    ในสมัยนั้นหลวงพ่อปานท่านมาพำนักที่วัดโคกทองเสมอ เมื่อปี พ.ศ.2467 หลวงพ่อเพิ่มสร้างศาลาการเปรียญ หลวงพ่อปานยังมาช่วยยกเสาเอกให้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลวงพ่อเพิ่มไม่เคยสร้างพระเครื่องไว้เลย ชนรุ่นหลังจึงไม่มีใครรู้จักท่าน
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อเพิ่มทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์เพียงอย่างเดียวคือ แผ่นอิฐลงอาคมที่ก้นบ่อน้ำมนต์ 2 แผ่น อีกแผ่นหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งกล่าวกันว่าน้ำมนต์ในบ่อนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อเชิญท่านนำมารดให้กับลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ
    บรรพชาและอุปสมบท หลวงพ่อเชิญมาอยู่วัดโคกทองคอยรับใช้หลวงพ่อเพิ่มอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอ ด้วยความวิริยะอุตสาหะและเชื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อเพิ่มเป็นอย่างดี
    หลวงพ่อเชิญบรรพยาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 16 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2466 หลวงพ่อเพิ่มเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบทต่อโดยมิได้ลาสิกขา ณ พัทธสีมาวัดโคกทอง ในวันที่ 1 มิถุนายน 2470 โดยมีพระอาจารย์องค์แรกคือ หลวงพ่อขาบ วัดฤาไชย เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเพิ่ม วัดโคกทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแจ่ม วัดโคกทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาเป็นภาษาบาลีจากพระอุปัชฌาย์ว่า "ปุญฺญสิริ"
    การศึกษาและพระปริยัติธรรม หลวงพ่อเชิญอุปสมบทอุปสมบทแล้วอยู่ช่วยหลวงพ่อเพิ่มบูรณะวัดโคกทองเรื่อยมา พร้อมกันนั้นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมโดยสอบได้นักธรรมตรีตั้งแต่เมื่อยังเป็นสามเณรในปี พ.ศ.2469 แล้วสอบได้นักธรรมโทในปีแรกที่อุปสมบท และอีก 8 พรรษาต่อมาจึงสอบได้นักธรรมเอก
    สาเหตุที่หลวงพ่อเชิญสอบได้นักธรรมเอกช้า เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ช่วยงานหลวงพ่อเพิ่มในการบูรณะพัฒนาวัดด้วยความอุตสาหะ ในปี พ.ศ.2474 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฐานานุกรมที่ พระสมุห์เชิญ
    ปี พ.ศ.2478 สอบได้นักธรรมเอก พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็น พระปลัด ในปี พ.ศ.2480 ท่านจึงต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแทนหลวงพ่อเพิ่ม ปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเสนา ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับแขก ดูแลพระภิกษุสามเณรภายในวัด และเป็นผู้จัดสถานที่ให้กับคนเจ็บที่มารักษาตัว
    แม้แต่ศาสนกิจนอกวัดเกี่ยวกับราชการคณะสงฆ์ เทศนาตามกิจนิมนต์ หรือการเข้าประชุมตามพระเถระกำหนด และออกตรวจตราตามบริเวณวัดและสอบนักธรรมสนามหลวง ภารกิจเหล่านี้ตกอยู่กับท่านเพียงองค์เดียวเท่านั้น นับเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่หลวงพ่อเชิญก็สามารถปฏิบัติด้วยความเรียบร้อยเสมอมาจวบจนหลวงพ่อเพิ่มถึงแก่กาลมรณภาพในปี พ.ศ.2491
    พ.ศ.2491 รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2492 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโคกทอง
    พ.ศ.2505 เป็นเจ้าคณะตำบลกุฎี และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์จารย์
    พ.ศ.2511 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ราชทินนามที่ พระครูวิชัยประสิทธิคุณ
    พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    พ.ศ.2522 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก
    พ.ศ.2524 สำนักนายกรัฐมนตรี ถวายพัดชั้นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้อุปการะโรงเรียนวัดโคกทอง (บวรวิทยา)
    พ.ศ.2532 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ประทานพัดพัฒนาที่มีผลงานดีเด่นแก่หลวงพ่อเชิญ
    การศึกษาพระเวทวิทยาคม หลวงพ่อเชิญเป็นพระอาจารย์ที่มีมากครูมากอาจารย์ เพราะท่านมีใจรักทางด้านพระเวทวิทยาคมมากกว่าการศึกษาด้านพระปริยัติธรรม เมื่อได้รับการปูพื้นฐาน โดยที่ หลวงพ่อเพิ่ม เป็นพระอาจารย์องค์แรกที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้ อาทิ
    การศึกษาอักษรสมัยทั้งภาษาไทยและภาษาขอม การท่องบ่นมนต์คาถา การลงอักขระเลขยันต์ แพทย์แผนโบราณ ยาแก้กันกระทำคุณไสย์ นั่งเจริญสมาธิภาวนาพระกรรมฐาน ตลอดทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มาตั้งแต่หลวงพ่อเชิญมีอายุเพียง 10 ขวบ
    ในคราวที่บวชเณรแล้วได้ติดตามหลวงพ่อเพิ่มไปซื้อซุงที่ชัยนาท ได้ไปกราบนมัสการ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อเชิญจึงโชคดีได้วิชาบางประการมาจากพระปรมาจารย์อันยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างหลวงปู่ศุข
    เมื่ออุปสมบทในพรรษาแรกก็ไปขึ้นพระกรรมฐานกับ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก แล้วเดินทางไป ๆ มา ๆ ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อจงมากมายเป็นระยะเวลาหลายปี
    หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สหายทางธรรมของหลวงพ่อเพิ่ม ชอบมาพำนักที่วัดโคกทอง หลวงพ่อเชิญก็ฝากตัวเป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้แล้วติดตามพายเรือไปส่งและพักเรียนวิชาที่วัดบางนมโคเป็นประจำ
    ในปี พ.ศ.2473 หลวงพ่อเพิ่มพาท่านไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งของท่านคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อกลั่นชราภาพมากแล้ว
    ในปี พ.ศ.2482 หลวงพ่อเชิญเกิดอาพาธด้วยโรคตาอักเสบจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพักรักษาตัวอยู่กับ หลวงปู่กล้าย วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เลยได้รับการแนะนำวิชาการต่าง ๆ จากหลวงปู่กล้ายอีกรูปหนึ่ง
    ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เวลานั้นวัสดุก่อสร้างขาดแคลน การบูรณะวัดก็หยุดชะงักลง หลวงพ่อเชิญจึงถือโอกาสเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณว่าด้วยสาขาเวชกรรมกับ ครูนพ ที่โรงเรียนประทีป ตลาดพลู เป็นเวลา 2 ปีด้วยกัน
    นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์เรืองวิชาที่มีชื่อเสียงในอยุธยาที่หลวงพ่อเชิญเคยไปขอศึกษาวิชามาก็มี หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน หลวงพ่อแจ่ม วัดบัวหัก และหลวงพ่อแพ วัดกลางคลอง ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองวิชาทั้งสิ้น
    ขอขอบคุณ
    ที่มา : http://www.sitamulet.com/…/357_หลว%…
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระเนื้อผงหลวงพ่อเชิญวัดโคกทอง ยกชุด ๕ องค์

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250708_202205.jpg IMG_20250708_202243.jpg IMG_20250708_202142.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    วันนี้ จัดส่ง

    1751991914356.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  12. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,021
    ค่าพลัง:
    +5,723
    จองครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1751973914401.jpg FB_IMG_1751970774904.jpg


    หลวงพ่อกบเขาสาริกากายใหม่จิตเดิมในร่างหลวงพ่อบุญธรรมเจริญธรรม
    หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกาบ้านหมี่ลพบุรีได้ละสังขารลงในปีพศ.2497แล้วท่านได้ไปจุติใหม่สังขารใหม่ของนายกิมเส็ง แซ่เตียงหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า"แป๊ะเซี้ยง"อายุประมาณ 60ปีซึ่งเสียชีวิตลง
    ความอัศจรรย์บังเกิดขึ้นเมื่อร่างแป๊ะเซี้ยงที่ตายกลับฟื้นคืนชีพแล้วบอกว่าท่านคือร่างใหม่ของ"หลวงพ่อกบเขาสาริกา"กายใหม่จิตเดิมเพื่อบำเพ็ญบารมีโดยให้เรียกท่านในชื่อ"บุญจันทร์ เจริญธรรม"เหตุที่ท่านต้องมาจุติใหม่โดยไม่พึ่งครรภ์มารดาเพราะถ้าหากมาจุติใหม่ตามธรรมชาติจะเสียเวลาในการเผยแพร่ธรรมะให้คนเข้าใจหลักธรรมที่ถูกต้องและแนวทางปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาที่ มูลนิธิอบรม ศีล สมาธิ ปัญญา เขาพิทักษฺสังวร หัวหินจนท่านละสังขารลงในปีพศ.2522
    ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือหลวงปู่เดินหนอิเกสาโร ผู้เปิดโลกหลังความตาย มาณ.ที่นี้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ล็อกเก็ตหลวงพ่อบุญธรรม

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250708_182001.jpg IMG_20250708_181941.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1752043089845.jpg FB_IMG_1752043092254.jpg

    พระนาคปรกพระธาตุพนมหรือรุ่นเครื่องบินตก ลป.ฝั้น ลป.คำพันธ์ 108คณาจารย์กรรมฐานเสก พระธาตุพนม โภชพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระธาตุพนม อ.เมือง จ.นครพนม ปี 2518 รวมเกจิสายอีสาน ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะ
    อาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยคณาจารย์จากทั่วประเทศ และสายอีสานพระอาจารย์มั่น รวมจำนวนกว่า 100 รูป พิธียิ่งใหญ่มาก งานนี้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม,หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, และคณาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายรูปพระพุทธคุณสูง พิธีดี ........ พระรุ่นนี้สร้างปี 2518 ในการฉลองการบูรณะพระธาตุพนม ซึ่งมวลสารที่ใช้ก็มีทั้งปูนพระธาตุ ว่านมงคล ผงวิเศษ แร่มงคล ปลุกเสกโดยเกจิสายกรรมฐานหลายสิบรูป โดยมี หลวงปู่คำพันธ์ ร่วมทำการปลุกเสกด้วย......นับว่าเป็นสิริมงคลแก่ผู้บูชาโดยแท้
    พระผง พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม ปี2518 ที่ระลึกในงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ วันที่ 26 ธันวาคม 2518 รวมเกจิสายอีสาน ร่วมปลุกเสก โดยเฉพาะอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และเกจิสายอาจารย์มั่น ร่วมปลุกเสก
    “พระธาตุพนม" ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญของชาวพุทธสองฝั่งโขง ประดิษฐานอยู่ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นใน พ.ศ. 8 มีอายุเก่าแก่กว่า 1,500 ปี ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ บรรจุสิ่งของมีค่ามากกว่า 2,500 ชิ้น และบรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า) และพระบรมสารีริกธาตุอีกหลายองค์ ตลอดระยะที่ผ่านมามีการบูรณปฏิสังขรณ์รวม 5 ครั้ง
    เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 องค์พระธาตุพนม ปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครพนม ได้ล้มครืนพังทลายลง ได้สร้างความเศร้าสลดให้กับพุทธศาสนิกชนไทยทั้งประเทศ พระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) พระพุทธเจ้าและพระบรมสารีริกธาตุอีกหลายองค์ภายหลังพบพระอุรังคธาตุได้ 2 เดือน 26 วัน ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้จัดงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุอื่นๆ อีก 115 องค์ อัญเชิญประดิษฐานในพลับพลาพิธี ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่รวม 7 วัน 7 คืน ในระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 2518 - 1 ม.ค. 2519 ถือเป็นงานสมโภชระดับชาติ ที่มีพิธีทางพระพุทธศาสนาและพิธีทางบ้านเมืองไปพร้อมกันวันที่ 26 ธันวาคม 2518 ประมุขฝ่ายสงฆ์ นำโดยสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ และพระราชาคณะ 17 รูป เฝ้าฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯทรงสรงพระกรัณฑ์พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรซากปรักหักพังขององค์พระธาตุพนม ก่อนเริ่มพระราชพิธี 3 วัน จังหวัดนครพนม โดยนายพิศาล มูลศาสตรสาทร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้จัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก "สมโภชพระธาตุพนม" นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่ลานต้นศรีมหาโพธิภายในวัด ปลุกเสกโดยคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมจากสำนักต่างๆ จำนวน 9 รูป หนึ่งในนั้นมีพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระเกจิชื่อดังร่วมในพิธีแผ่เมตตาจิต วัตถุประสงค์ตั้งใจ เพื่อนำปัจจัยมาบูรณะองค์พระธาตุพนม รุ่นนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีประสบการณ์สูง ด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เป็นที่นิยมในหมู่ทหาร ตำรวจ ตชด. และ นปข.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิ เป็นวัตถุมงคลที่เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและมีพุทธานุภาพสูง
    วัตถุมงคล พระธาตุพนม ที่ระลึกในงานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุปี 2518 เกจิดังสายกรรมฐานปลุกเสกหลายองค์ จัดสร้างเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2518 ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกโดยคณาจารย์จากทั่วประเทศ และสายอีสานพระอาจารย์มั่น รวมจำนวนกว่า 100 รูป พิธียิ่งใหญ่มาก งานนี้พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม, หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก และคณาจารย์สายกรรมฐานอีกหลายรูป ได้ร่วมในพิธีด้วย เนื่องจากเป็นพิธีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินในคราวนี้ด้วย พระรุ่นนี้ออกให้ประชาชนเช่าบูชาพร้อมกับเหรียญพระธาตุพนม เพื่อนำปัจจัยมาทำการบูรณะพระธาตุพนม ซึ่งได้ สร้างเสร็จเมื่อปี 2522 วัตถุมงคลรุ่นนี้มีประสบการณ์ดีมาก ทางด้านแคล้วคาด คงกะพันชาตรี เป็นนิยมในหมู่ทหาร ตำรวจ และ นปข. (หน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง)
    พระธาตุพนมเป็นพระธาตุที่บรรจุพระอุรังคธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครที่ไปสักการะถือเป็นมงคลต่อชีวิตอย่างยิ่ง
    พระธาตุพนมนั้นประดิษฐานพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระบรมศาสดาเอาไว้ และมีพญานาคจากนครพิภพพลัดกันเข้าเวรอารักษ์ขาพระธาตุ ดังนั้นปรกพระธาตุพนมจึงแทนองค์พระธาตุพนมและพญานาค ผู้ใดมีไว้ติดตัวเรื่องแคล้วคลาดดีนัก...
    มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์วัดพระธาตุพนม ยุคหนึ่งเมื่อเครื่องบินของสหรัฐได้นำคณะทหารมาสำรวจอำเภอธาตุพนมและได้เข้านมัสการ พระเทพรัตนโมลี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม หลังจากนั้นทางคณะทหาร นำพระเทพรัตนโมลี พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณร เพื่อบินสำรวจรอบๆธาตุพนม แต่ปรากฏว่าเครื่องบินได้ขึ้นไปสูงประมาณ ๑๕ เมตร เครื่องบินดังกล่าวได้หมุน หางของเครื่องชนกับเสาไฟ และตกลงกระเเทรกพื้นอย่างแรง ใบพัดได้ปลิวมาเสียบที่ประตูวิหารคตทิศใต้ และต้นตาล แต่ปรากฎว่าผู้ที่อยู่ในเครื่องบินทั้งหมดไม่มีใครเป็นอะไร ซึ่งก่อนที่จะขึ้นเครื่องพระเทพรัตนโมลีได้มอบพระผงพระธาตุพนม ให้กับทหารทุกนาย ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งชื่อพระผงพระธาตุพนมนี้ว่า "
    พระผงพระธาตุพนมรุ่นเครื่องบินตกปลอดภัย

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20250709_133552.jpg IMG_20250709_133519.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2025 at 18:17
  15. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3,021
    ค่าพลัง:
    +5,723
    จองครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1752147048744.jpg

    พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร วัดธรรมมงคล รุ่น พิเศษ 72 ปี 2535 ผสมเกศา เยอะชัดเจน
    หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านเป็นพระปฏิบัติกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น เป็นพระรุ่นเดียวกับหลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่หลอด หลวงตามหาบัว เป็นต้น หลวงพ่อวิริยังค์ ปัจจุบันได้รับสมณศักดิ์ เป็นพระธรรมมงคลญาณ จึงนับเป็นศิษย์สายตรงรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่มั่นที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นหลักชัยของพระกรรมฐานสายพระป่าในเมืองหลวงที่เหลืออยู่ ซึ่งได้พยายามถ่ายทอดสอนธรรมะและกรรมฐานให้กับประชาชนทั่วไปทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สำหรับหลวงพ่อวิริยังค์ แม้ว่าท่านมีลูกศิษย์นับถือเยอะ แต่หลวงพ่อก็ไม่ค่อยจะเน้นสร้างวัตถุมงคลมากนัก ถ้าจะสร้างก็เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เมื่อท่านสร้างวัตถุมงคลก็ต้องทำโดยวัดเป็นผู้จัดสร้าง จะไม่มีเรื่องพุทธพาณิชย์มาเกี่ยวข้อง พระของท่านทุกรุ่นมีเจตนาการสร้างดี นอกจากท่านจะปลุกเสกเดี่ยวแล้ว ยังได้เชิญพระเกจิสายกรรมฐานมาร่วมปลุกเสกอีกมากมายในแต่ละครั้ง หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านเป็นพระที่มีบารมีสูงมากๆ สามารถสร้างถาวรวัตถุต่างๆที่มีมูลค่านับร้อยนับพันล้านได้ภายในไม่กี่ปี
    สมเด็จพระญาณวชิโรดม (วิริยังค์ สิรินฺธโร)ปรารภว่า พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นของวิเศษนับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก เมื่อประพฤติตามแล้วก็สามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างเป็นระเบียบและมีความสุข เมื่อถึงขั้นอริยมรรค เขาทั้งหลายก็จะพ้นจากทุกข์ถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุด หลวงพ่อประสงค์ให้พระพุทธศาสนานี้มีความยั่งยืนให้ยาวนานที่สุด มิใช่เพียงพัน ๆ ปี แต่ขอให้เป็นแสน ล้านปี การสร้างพระพุทธรูปที่เป็นองค์แทนองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เป็นรูปธรรมแต่ก็มีความสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงเป็นสื่อที่จะนำบุคคลผู้มีความเชื่อ ความเลื่อมใสให้เข้าไปถึงนามธรรม พระพุทธรูปจะต้องมีค่าสูงและน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เพื่อจะเป็นศูนย์รวมของคนทั่วโลกต่อไปในอนาคต โดยคิดถึงวัตถุที่มีความคงทนและมีค่าสูงให้สมกับพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นของดีของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก วัตถุเช่นทองเหลือง ทองแดง อิฐ ปูน ทราย วัตถุเหล่านี้จะเสื่อมสลายไปตามอายุของมันในเวลาอันไม่นานนัก ท่านจึงมีความคิดว่า หยกเขียว เป็นวัตถุอันหนึ่งที่มีอายุยิ่งยืนนานเท่าไหร่ยิ่งมีค่าสูงและวัตถุนั้นมีอายุนานนับแสนนับล้าน ๆ ปีไม่มีการเสื่อมสภาพ เพื่อให้เป็นสิ่งที่สูงค่ายิ่งขึ้นก็ต้องเป็นหยกเขียวบริสุทธิ์ที่มีก้อนใหญ่ที่สุดในโลก
    หลวงพ่อได้ใช้ความพยายามแสวงหาหินหยกอย่างเต็มที่ มาในภายหลังหลวงพ่อได้ทราบข่าวว่าที่ประเทศแคนนาดามีบริษัททำเหมืองหยก ท่านจึงได้เดินทางไปยังประเทศแคนาดาในปี พ.ศ. 2530 เพื่อไปสืบหาหยกเขียวมาแกะสลักให้ได้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วก็ยังไม่พบหยกตามต้องการ ท่านจึงเข้าพบเจ้าของบริษัททำเหมืองหยก ขอสั่งจองก้อนหยกขนาดใหญ่ไว้ หากขุดได้ท่านจะซื้อกลับมาเมืองไทย เวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ยังไม่มีข่าวดีสักทีเพราะแม้ทางเหมืองจะขุดพบหยกเขียว และนำขึ้นมาได้ก็ยังไม่ได้ขนาดตามที่หลวงพ่อต้องการ
    กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2534 ช่วงเวลา 03.00 น. ในขณะที่หลวงพ่อนั่งสมาธิก็ปรากฏเป็นนิมิตเห็นหยกสีเขียวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากท่านได้นิมิตแล้วก็เกิดความเชื่อมั่นว่าก้อนหยกที่ต้องการนั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว ท่านจึงเดินทางไปยังประเทศแคนาดาอีกครั้ง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนผสมเกศา
    (เกศาพระอรหันต์)

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทครับ

    IMG_20250710_175222.jpg IMG_20250710_175307.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1752146657383.jpg

    "หลวงพ่อสุด วัดกาหลง" เคยชม "หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์" ว่า...
    "ท่านรักษ์เก่งญาณ
    มีญาณแก่กล้าอย่างยิ่ง
    ญาณของท่านรักษ์
    แก่กล้ายิ่งกว่าฉันเสียอีก"
    "แม้แต่ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ยังยอมยกย่อง เรื่องด้าน เมตตาโชคลาภ หนุนดวงต้องท่านรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์
    หลวงพ่อรักษ์วัดน้อยแสงจันทร์
    พระครูสุธรรมธาดา หรือหลวงพ่อรักษ์ ฐิตธรรมโม อดีตเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ฉบับนี้ขอแนะนำเหรียญดังที่ปลุกเสกเดี่ยวโดยเกจิอาจารย์ผู้ถูกจัดลำดับหนึ่งในร้อยแปดเกจิขลังเมื่อครั้ง ๔๐-๕๐ ปีที่แล้ว ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ของวัดน้อยแสงจันทร์ ซึ่งถือว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ.๒๔๔๔) ในครั้งนั้นได้มีคหบดี ๔ ราย บริจาคที่ให้สร้างวัด คือ นายน้อย นางแสง นายจันทร์ และนายเหม็น วัดนี้จึงได้รับการตั้งชื่อตามผู้บริจาคที่ดิน เพียงแต่รายที่ ๔ ซึ่งมีนามว่านายเหม็นนั้น เจ้าตัวเห็นว่าชื่ออาจจะไม่เป็นมงคลนัก จึงให้ใช้ชื่อเพียง ๓ รายว่า “น้อยแสงจันทร์” เป็นชื่อวัด
    คนแม่กลองนับถือหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์กันมากๆ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณท่าน พระเกจิย่านแม่กลองและมหาชัย ถ้าไม่เก่งจริง คงไม่มีใครเขานับถือกันหรอกครับ ท่านเป็นพระยุคเดียวกับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง แต่คนละจังหวัด เอาเป็นว่าจะหาพระที่หวังพึ่งพระพุทธคุณจริงๆ เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อรักษ์ แห่งวัดน้อยแสงจันทร์เหรียญนี้ ใส่แล้วไม่ต้องห่วง นานๆจะมีซักเหรียญครับ เหรียญหลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ยุคแรกๆ มักมีรูปโยมพ่อ โยมแม่ หรือคนที่ท่านนับถือ หรือพระอุปัชชาย์อยู่ในเหรียญเสมอ เพราะท่านเป็นพระที่มีความกตัญญูสูงมากครับ
    ครูบาอาจารย์ที่ถือเป็นองค์หลักของท่านเลย คือ หลวงพ่อช้าง วัดเขียนเขต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แต่จะได้เรียนกับหลวงพ่อเปลื้องด้วยหรือไม่นั้นไม่มีหลักฐานยืนยัน นอกจากนี้ท่านยังได้ชื่อว่ามีความกตัญญูเป็นเลิศ เลี้ยงดูบิดามารดาจนสิ้นอายุขัย ที่วัดศิษย์สายหลวงพ่อคง ท่านก็ว่าหลวงพ่อรักษ์ เก่งเอาการ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์เรื่องป้องกันภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์สูงมาก ประเภทรถคว่ำพังยับแต่คนที่แขวนพระของท่านไม่เป็นอะไร ที่ว่าประสบการณ์ด้านนี้มีเยอะก็เพราะว่าแถบแม่กลองจะมีการขนส่งผลไม้ ของทะเล ฯลฯ
    หลวงพ่อรักษ์ท่านมีสมณศักดิ์ที่พระครูสุธรรมธาดา ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ทำการบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรทั้งใกล้ไกลนับไม่ถ้วน เป็นที่เคารพรักเทิดทูนบูชาของลูกศิษย์โดยเฉพาะชาวจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียง รวมไปถึงจังหวัดปทุมธานี ที่องค์อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทพระเวทย์วิทยาคมให้แก่หลวงพ่อรักษ์ คือ หลวงพ่อช้างวัดเขียนเขต หลังจากได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาจากหลวงพ่อช้างอย่างหมดสิ้น ปี ๒๔๙๔ ท่านก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยแสงจันทร์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม และท่ายังได้ศึกษาพระเวทย์อาคมกับท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ ฆารวาสผู้กระเดื่องนามที่มีเกจิอาจารย์ยุคเก่าเป็นลูกศิษย์ของท่านมากมาย
    หลวงพ่อรักษ์แห่งวัดน้อยแสงจันทร์องค์นี้จัดเป็นเกจิขลังอาจารย์ดังผู้มี “ดี” อย่างแท้จริง ท่านจะปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่นด้วยตัวท่านเองเพียงลำพัง ไม่มีการจัดพิธีพุทธาภิเษกแต่อย่างใด แม้ท่านจะจากไปในปี ๒๕๓๘ ด้วยวัย ๘๖ ปี แต่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านยังเหนียวแน่น ในจำนวนวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นหลายแบบทั้งเนื้อผง รูปหล่อ และเหรียญ หลายรุ่นหลายวาระ ตั้งแต่เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๐๖ ด้านหลังเป็นพระพุทธชินราชเนื้ออัลปาก้า อันเป็นที่นิยมและแสวงหาด้วยสูงประสบการณ์อย่างครบถ้วนทั้งแคล้วคลาดคงกระพัน
    หลวงพ่อรักษ์ท่านเป็นบุตรผู้มีกตัญญูกตเวทิตาต่อบุพการีอย่างยิ่ง โยมพ่อโยมแม่ของท่านจึงได้รับการปั้นรูปเอาไว้ในที่บูชาและอัญเชิญประดับหลังเหรียญของท่านเพื่อเป็นมงคลแก่ผู้บูชา เหรียญทุกรุ่นของท่านมีประสบการณ์อย่างเล่าขานกันไม่รู้จบ ไม่เพียงแคล้วคลาดคงกระพันที่เชื่อขนมกินได้ตามสำนวนโบราณที่เล่าขานกันมาว่าทั้งเหนียวและแคล้วคลาดแบบแมลงวันไม่ได้กินเลือด จึงจัดเป็นเหรียญดีเหรียญเด่นเหรียญเก่าที่มีค่านิยมและยังพอแสวงหากันได้
    โอกาสถัดไปจะเอาประวัติและรายละเอียดเรื่องราวพร้อมทั้งประวัติการสร้างวัตถุมงคลทุกรุ่นมานำเสนอให้ละเอียด โดยเฉพาะพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จสะดุ้งกลับของท่านนั้นเป็นที่แสวงหากันอย่างยิ่ง ว่ากันว่าพุทธคุณดุจเดียวกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วทีเดียวครับ
    อมตะสังขารหลวงพ่อรักษ์
    หลวงพ่อรักษ์ ฐิตธมฺโม เป็นบุตรของปู่ยิ้ม ย่าเหม (มีรูปปั้นอยู่บนกุฏิขลังมากมีคนบนบานสำเร็จมามากรายแล้ว) เกิดที่คลองบางตะบูน เดือนเจ็ด วันพุธ ปีจอ ในวัยเด็กเป็นเด็กวัดอยู่วัดสวนแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ภายหลังย้ายมาอยู่ใกล้วัดน้อยแสงจันทร์ เคยตามอาไปอยู่ที่ปทุมธานีใกล้วัดเทียนถวาย แล้วย้ายไปที่ อ.ธัญบุรี เรียนหนังสืออยู่ที่นั่นจนอายุครบอุปสมบทวันที่ ๒๒ ก.ค.๒๔๗๔ มีพระครูธีญญเขตรเขมากรเป็นพระอุปัชฌาย์
    ต่อมาพระประทุมวรนายกเมตตาส่งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพวงแก้ว ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ที่วัดนี้ท่านสอบได้นักธรรมโท และไปต่อนักธรรมเอกที่วัดเขียนเขต (เชียงเขต) โดยท่านสอบได้คะแนนดีกว่ารูปอื่นๆ
    ท่านเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อช้างที่วัดเขียนเขต และเรียนกรรมฐานเพิ่มเติมจากท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ (เจิม คุณาบุตร)ที่วัดเกตมวดีศรีวราราม ต.บางโทรัด อ.สมุทรสาครเมื่อท่านกลับมาอยู่ที่วัดน้อยแสงจันทร์เพื่อโปรดโยมมารดาที่ชราภาพ ในขณะนั้นหลวงพ่อพูนเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เมื่อหลวงพ่อพูนมรณภาพท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสต่อ เพราะท่านมีคุณสมบัติเหมาะสมด้วยอายุพรรษากาล
    ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นท่านจะเน้นงานเผยแผ่พุทธศาสนาอย่างยิ่ง มีการฝึกอบรมพระภิกษุสามฌรรทุกกึ่งเดือน ทำวัตรเช้า-เย็น รวมทั้งมีการอบรมศีลธรรมแก่เด็กวัด และนักเรียนโรงเรียนของรัฐ ประชาชนตามหลักเบญจศีลเบญจธรรม พ.ศ.๒๕๑๖ ท่านได้ช่วยสอนประชาชนในจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดใกล้เคียงให้รู้จัก "หลักการนั่งกรรมฐาน"

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จเนื้อผงหลังรูปเหมือนหลวงพ่อรักษ์ ผสมเกศา วัดน้อยแสงจันทร์
    องค์นี้เกศา หลายเส้น

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250710_175054.jpg IMG_20250710_175117.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    FB_IMG_1752150070082.jpg FB_IMG_1752150119868.jpg
    250206-3b340.jpg
    พระผงจอบหลวงพ่อเงิน บางคลาน หลวงพ่อคูณ ปี17 เป็นพระยุคแรก ๆ ของพระราชวิทยาคม (คูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอต่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พระครูวิศิษฎ์สมโพธิ์ คณะ น ๑๖ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ท่าเตียน) เป็นผู้สร้างเพื่อหาปัจจัยสมทบทุนบูรณะวัดบรรพดสุธาราม ตำบลวังงิ้ว อำเภอบางมูลนาค จังหวัดพิจิต พระเครื่องที่สร้างขึ้นในวาระนี้ มี ๕ พิมพ์ด้วยกัน พระสมเด็จกลีบบัวคูณลาภ พระนางพญาคูณลาภ พระผงพิจิตร พระปิดตาคูณลาภ และพระหลวงพ่อเงิน บางคลาน รุ่นคูณลาภ พระพิมพ์หลวงพ่อเงิน บางคลาน รุ่นคูณลาภ ลักษณะ เป็นพระปิดตามหาลาภปางสมาธิเพชรในรูปใบโพธิ์ กรอบ พิมพ์เป็นแบบกลีบบัวฐานตัดตรง ลักษณะ องค์พระอ้วนท้วมสมบูรณ์ รายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจน ด้านหลังอุมเล็กน้อย จารึกตัวอักษร “คูณลาภ” ลงในเนื้อพระ ขนาด กว้าง ๑.๙ เซนติเมตร สูง ๒.๔ เซนติเมตร เนื้อหา มีทั้งเนื้อผงผสมว่าน และเนื้อแก่ผงพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์
    วรรณะ มีทั้งเนื้อผงผสมว่านจะออกสีขาวขุ่น ลักษณะคล้ายพระผงแก่น้ำมัน เนื้อพระละเอียดผิวตึง มีมวลสารเม็ดเล็ก ๆ สีขาว ดำ และแดง กระจายทั่วองค์พระ ส่วนเนื้อแก่ผงพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์ จะเป็นสีเขียวแบบหินลับมีด มีมวลสารเม็ดสีขาวและดำกระจายทั่วองค์พระ
    มวลสารที่ใช้ในการสร้างได้แก่ ผงพระสมเด็จวัดระฆัง ผงเสากุฎิของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆัง, ผงสมเด็จพระสังฆราช(ป๋า) วัดโพธิ์, ผงสมเด็จพระญาณสังวร, ผงสมเด็จจิตรลดา วัดบวรนิเวศ, ผงไตรมาสหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, ผงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, ผงหลวงพ่อวัดปากน้ำ, ผงหลวงพ่อโสธร, ผงพระสมเด็จปิลันทน์, ผงพระสมเด็จบึงพระยาสุเรนทร์ , ผงพระวัดสามปลื้ม, ผงพระบาง, ผงสมเด็จพระสังฆราช (แพ), ผงพระกำแพงสรรค์, ผงนางพญางิ้วดำ, ผงใบเงินใบทองทำน้ำพุทธมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ, ลูกอมหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, ลูกอมหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่, เกศาหลวงพ่อ
    คูณ ปริสุทโธ และว่าน 108 จำนวนสร้าง ๕,๐๐๐ องค์
    ปีที่สร้าง เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗
    พิธีกรรม หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ท่านอธิฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวที่วัดสระแก้ว จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗ เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม พร้อมกับพระปรกใบมะขามรุ่นแรกที่คูณเชิดศักดิ์ ภูมิสวัสดิ์ เป็นผู้จัดสร้างพระครูวิศิษฐ์สมโพธิ์ เล่าว่า “ช่วงก่อนพิธี หลวงพ่อคูณ ได้เข้าจำวัดตั้งแต่หนึ่งทุ่ม พอถึงห้าทุ่ม ท่านก็ลุกขึ้นมาทำพิธีด้วยการสวดมนต์ และนั่งบริกรรมปลุกเสกโดยได้ดับไฟทั้งหมด จะมีก็แต่เทียนที่ใช้ในการปลุกเสกเท่านั้นพอถึงเวลาประมาณตีสองครึ่งเศษ ๆ ผู้นั่งสังเกตการณ์อยู่นอกกุฏิ ก็ต้องตื่นเต้นประหลาดเมื่อมีแสงสว่างเจิดจ้าติดต่อกันเป็นระยะ ถึง ๕ ครั้งด้วยกัน พระรุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นที่พิธีเยี่ยมยอดที่สุดรุ่นหนึ่งของหลวงพ่อคูณเนื่องด้วย ท่านปลุกเสกชนวนมวลสาร ถึงขนาดลงมือตำผง ผสมผงเอง มวลสารสุดยอดทั้งมวล ขนาดตำผงพระ ท่านยังกลับสาก เอาด้านแหลมตำ และกล่าวว่า จะเป็น "ยอดทุกทาง" เมตตามหานิยม แคล้วคลาดนิรันตราย และโชคลาภ พอสร้างเสร็จ หลวงพ่อให้ลูกศิษย์ทำลายแม่พิมพ์ โดยเอาตะไบถู แล้วโยนลงสระที่วัด จากนั้นนำมาแจกจ่ายให้ผู้ร่วมทำบุญ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่าที่วัดสระแก้วจนหมดเป็นของดีที่ถูกมองข้าม
    **** การสร้างพระปิดตารุ่นนี้มี 2 เนื้อ คือเนื้อดำ เรียกว่ารุ่นวิเศษ เนื้อขาว เรียกว่า คูณลาภ และอีกแบบคือ ผงรูปไข่ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชได้ประทานชื่อว่า พระผงวิสุทธิพร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250710_191929.jpg IMG_20250710_191947.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,371
    ค่าพลัง:
    +21,400
    หลวงพ่อใหญ่อภินันโท(จุฬ).jpg

    ชีวประวัติหลวงพ่อใหญ่ อภินันโท(จุฬ) วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคมสร้าง อ.เมือง จ.ลพบุรี
    ท่านเคยบอกว่าธรรมะของจะอยู่ไปอีก 500 ปี ตอนพระท่านมีชีวิตอยู่ก็ฉันเจ และบอกลูกหลาน ไม่ให้ทานเนื้อวัว เนื้อควาย เพราะเป็นสัตว์มีบุญคุณ ให้นมและไถ่นาให้ข้าว เขาเป็นสัตว์ใหญ่ รู้ว่าตัวเขาเองจะโดนฆ่าน้ำตาไหล
    คำปรารภ
    ของ
    หลวงพ่อใหญ่อธินันโท(จุฬ)
    ประวัติของหลวงพ่อได้พิมพ์ไปแล้วครั้งแรก ๒๕๐๐ เล่ม หมดไปแต่ปีแรกๆ มีศิษยานุศิษย์มาขอหนังสือชีวประวัติก็ไม่มีแจกให้ เพราะไม่มีโอกาสพิมพ์ ใหม่สักที มาบัดนี้ คุณกินซัง แซ่แต้(เฮียตี๋) เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อขออนุญาติพิมพ์ขึ้นใหม่ ๑,๐๐๐ เล่ม เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ต้องการที่จะทราบชีวประวัติของหลวงพ่อเพื่อหวังเอาเป็นค่าบูรณะสร้างสถานสิ่งถาวรต่อไป ด้วยพิจารณาเห็นว่าชีวประวัติ ของหลวงพ่อ มีธรรมะนรก มีวิญญาณ ตลอดถึงสวรรค์นิพพานที่ผ่านพบข้างในด้วยตนเองตลอดเล่ม พิมพ์ออกเผยแพร่ให้พวกอนุชนรุ่นหลังได้รู้ ได้เข้าใจและเป็นเหตุกระตุ้นเตือนให้ค้นคว้าแสวงหาด้วยตนเองทางภายในต่อไป จะได้ไม่เข้าใจเขวไปว่า เรื่องนรกสวรรค์ นักปราชญ์เขียนเรื่องนรกขึ้นมาขู่ เขียนเรื่องสวรรค์เข้าล่อ เพื่อให้ชาวโลกเชื่อและเลื่อมใสในลัทธิและศาสนาของตน
    มีความจริงอยู่อีกข้อหนึ่ง คือถ้าค้นคว้าทางด้านใน ด้วยสมถยานิกะวะ เป็นต้องทราบเรื่อง รู้เรื่องราว นรก สวรรค์ อินทร์ พรหม ยมยักษ์ ฯลฯ ตลอดถึงนิพพานได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เพราะติดต่อกันได้ คุยกันได้ ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าได้ไปเที่ยวด้านใน คราวไหนก็คราวนั้นเป็นต้องพบทุกครั้งไป มิใช่เรื่องสร้างขึ้นมาด้วยจิตของตนเองหรือเป็นนิมิตรติดตาอย่างที่เข้าใจผิดๆ
    หากว่าค้นคว้าด้านใน ทางวิปัสสนายิกะ จะไม่พบเรื่องเหล่านี้เลย หรือพบก็ไม่สนใจ เพราะเข้าใจเอาเองว่าเป็นภาพหลอนบ้าง เป็นภาพวิญญาณไม่จริงบ้างคล้ายกับเป็นว่าพวกนี้ ไม่เชื่อว่าวิญญาณมีจริงๆ ความจริงภาพที่ปรากฏขึ้นทางในภาพที่หลอกลวงมีอยู่ ใช่อุเบกขาญาณวางเฉยอยู่ ภาพที่หลองลวงนั้นก็หายไปถ้าเป็นของจริงแล้วไม่มีหาย กลับพุดบอกสอนเราเสียอีกว่าคิดอย่างนั้นถูก คิดอย่างนั้นผิด ทำอย่างนั้นถูกทำอย่างนี้ผิดผู้ทีเดินทางในมีครูบาอาจารย์ในคอยบอกสอนอยู่ตลอดกาล (ไม่ใช่มาร) จึงเดินตลอดรอดฝังถึงจุดหมายปลายทางเดินไม่ผิดทางในเลย แต่ถ้าหากไม่มีศีลสมาธิปัญญาบริบูรณ์ ก็ถูกอาจารย์มารหลอกลวงให้เดินผิดแนวทางเหมือนกันเพราะฉนั้นผู้เดินทางในจึงต้องระมัดระวังให้มาก เพราะมารคอมมิวนิสต์ย่อมแทรกแซงทำลาย ทั้งกายในและภายนอกฯถ้าเราประคับประคองจิตเดินทางใน ตั้งใจเป็นกลางด้วยความระมัดระวัง จะเดินผ่านพ้นวิญญาณในอบายภูมิ ๔ วิญญาณในสวรรค์ ๖ ชั้น วิญญาณในรูปพรหม ๑๖ ชั้น วิญญาณในอรูปพรหม ๔ ชั้นตลอดถึงวิญญาณในโลกกุตตรภูมิ ๔ ชั้น คือวิญญาณพระโสดาบัน วิญญาณพระสกิทาคามีวิญญาณพระอนาคามี และวิญญาณพระอรหันต์ ตลอดถึงวิญญาณพระพุทธเจ้า
    วิญญาณในยมโลก มนุษย์โลก เทวโลก พรหม โลก และโลกุตตรโลก มีอยู่จริงทั้งนั้น แต่ผู้เดินทางในจะต้องเดินทางสายกลางไปเรื่อยๆ ผ่านวิญญาณเหล่านี้ไปเรื่อยๆ จนถึงอุดมตติสุดที่หมายปลายทาง
    ในชีวประวัติของหลวงพ่อ มีเรื่องที่ผ่านพบเรื่องวิญญาณตั้งแต่จนปลายๆ เรื่องวิญญาณนี้ หลวงพ่อองค์หนึ่งล่ะไม่มีความเชื่อเลย เพราะครูบาอาจารย์สอนไม่ให้เชื่อ แต่เมื่อศึกษาเล่าเรียนไปสอบไล่ได้ ป.อ.๓-๔และดูในพระไตรปิฎกก็มีเรื่องเหล่านี้ปรากฏตลอด จึงตัดสินใจออกธุดงค์ปลาย พ.ศ.๒๔๗๕ เที่ยวเร่ร่อนไปแสวงหาความจริงทางด้านใน จึงได้รู้และประสพพบเห็นด้วยตนเองทางในใจ เช่น ภูตฝิปิศวจ นรก สวรรค์ ตลอดถึง นิพพาน ด้วยความอุสาหะวิริยะพยายาม เดินตามพระไปก็ได้ผ่านพบของจริง อันมีอยู่จริง ทางในโลกทิพย์ หรือโลกวิญญาณ
    ส่วนชาวพุทธหรือชาวโลกทั่วไป เดินแต่ทางนอกอย่างเดียวจะไปเห็นเรื่องโลกทิพย์ได้อย่างไร เมื่อไม่เห็นก็โมเมว่าไม่มีๆ เรื่องนรก สวรรค์ เป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งนั้น พูดออกวิทยุบ้าง ทางโทรทัศน์บ้าง พูดตามความรู้ความเข้าใจเอาเองของตน ซึ่งไม่เคยเดินทางในเลย แสดงความโง่เง่าเต่าตุ่นออกมาให้เห็นชัดว่า ตนมีความรู้เพียงอ่านหนังสือบางเล่ม เคยได้ยินได้ฟังเขาพุดเขาคุยกันบ้าง เลยคาดคะเนนึกเดาเอาเองตลอดเรื่อง
    ส่วนผู้ปฏิบัติหรือผู้เดินทางใน เขาไปเห็นเองรู้เองสนทนาปราศรัย ตลอดถึงฟังธรรมคำสั่งสอนด้วยตนเองเขาสนทนาปราศรัย ตลอดถึงฟังธรรมคำสั่งสอนด้วยตนเองเขาก็ละอายใจแทน พวกโง่แถมหยิ่งว่า “สิ่งที่มีอยู่กลับกล่าวว่าไม่มี” ดังนี้มันละอายใจเพียงไหนฯ ต่อไปขอให้ชาวโลกทั้งมวลอย่าได้ขึ้น พุดสำนวนว่า “นรก สวรรค์ ตลอดถึงนิพพาน เป็นเรื่องตลก หรือเป็นเรื่องเขียนเสือให้วัวกลัวเลยเป็นอันขาด”ที่แท้จริงมันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่ต้องเดินทางด้านใน ไปค้นคว้าพิสูจน์ด้วยตนเองได้โดยแน่นอน
    การเดินทางของสัตว์โลก มี ๒ ทาง คือด้านนอกและด้านใน เมื่อวิญญาณปุถุชนเดินอยู่แต่ทางนอกด้วยการเงิน อาชีพบังคับ จะมีโอกาสพบแต่ของนอกๆ ทั้งนั้นต่อเมื่อเดินอีกทางสายในใจ ตามทาง สมถยานิกะและวิปัสสนายานิกะจะต้องพบของจริงด้วยกันทุกๆคน
    ขอให้คิดดู พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ ไม่ต่างจากพวกเรา เท่าไร ท่านก็ไม่เห็นนรก สวรรค์ เหมือนพวกเราๆ เช่นเดียวกัน แต่เมื่อพระองค์ออกบวชเดินทางในเดินไปๆ จนสุดทางสายกลาง ก็พบทุกๆ สิ่งทุกๆอย่าง วึ่งเป็นของจริงมีอยู่ทางด้านในฯ พิพิธภัณฑ์โลกด้านใน หรือพิพิธภ้ณฑ์โลกทิพย์ มีรอคอยพวกเราให้ไปดูได้ทุกขณะตลอดกาลสมัยฯ เปรียบเหมือนหอสมุดแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สวนดุสิต พระราชวังหลวงมีโบสถ์พระแก้ว ฯลฯ รอคอยให้พวกเราไปดูไปชม ไปนมัสสมัยฯ นอกจากคนตาบอดตาฟ่าฟางเท่านั้นไม่เห็นอะไรจึงโม้เเม้ว่าไม่จริง เรื่องคนตาบอดาฟ่าฟางไม่ต้องพูดถึงก็ได้ แม้พูดถึงก็ไม่รู้เรื่องอะไรภายในเลย แม้แต่วงชาวพุทธซึ่งเป็นนักค้นคว้าด้านวิปัสสนาอย่างเดียวนั้นเอง จึงไม่ต้องกล่าวถึงคนทั่วไปเลย เพราะเขาไม่มีเวลาค้นคว้าได้มากเหมือนนักพรต
    ไหนๆก็ได้พูดถึงเรื่อง ภูตผีปิศาจ นรก สวรรค์ นิพพานมาแล้ว ต่อไปนี้อยากจะพูดเรื่องนิพพานมาแล้ว ต่อไปนี้อยากจะพูดเรื่องนิพพานให้ผู้อ่านพิจารณาเพิ่มอีกสักหน่อย เพราะผู้อ่านผู้ฟังอาจมีความเข้าใจไปต่างๆ กัน บางคนว่า “นิพพานมันไม่มีบ้านมีเมื่ออะไรเลย มันเป็นเรื่องของทุกขันตัสสะ ที่สุดของทุกข์เท่านั้นฯเมื่อมีกิเลสตัสตัณหาต้นเหตุให้เกิดทุกข์ที่จิต เมื่อเดินทางใน ทำความเพียรไปจนเกินอริยมรรคจริตประหาร ละกิเสลได้เด็ดขาดไม่มีเชื้อเหลือเศษ มีแต่ความว่างจากกิเลศมีแต่ความสูญ คือ กิเลศสูญหมดสิ้นมีแต่ความดับกิเลส จึงเรียกว่า นิพพาน คือความว่าง สูญ หาย ดับกิเลสไม่ เหลือเลยนั้นเอง ไม่เห็นว่ามีบ้านเมื่องที่ไหนพุดอธิบายอย่างนี้ถูกต้องแล้ว พิจารณาตาม เมื่อพระพุทธเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ก็นั่งสำเร็จเหนือบัลลังก์ใต้ต้นโพธิญาณ ก็นั่งสำเร็จเหมือบังลังก์ใต้ต้นโพธิ์ เที่ยวไปเทศนาประกาศพระศาสนาไปตาม คามนิคม ชนบทน้อย ใหญ่ก็ทรงพักอาศัยตามร่มไม้ในสมัยต่อมา ผู้ศรัทธาสสร้างวัดถวาย มีกุฏิราคาเป็นล้านๆ เช่น นางวิสาขาสร้างกุฏิถวาย ราคา ๒๗๐ ล้านบาทแต่พระพุทธเจ้าไม่ติด จึงเรียกว่าไม่มีกุฏิวิหารภายในจิตแต่ภายนอกตามหลักพระสูตรก็ว่าเป็นบ้านเมืองของพระ แต่ผู้สำเร็จนิพพานแล้วไม่มีอะไรๆในใจเลย
    เมื่อพระอรหันต์ทิ้งสังขารร่างกายไปแล้ว วิญญาณพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เข้าตามลำดับณานปรินิพพาน ตอนออกจากฌานที่ ๔ ไม่เข้าต่อฌานที่ ๕ ที่นี้พวกเราชาวพุทธสงสัยกันนักหนาว่า “เมื่อวิญญาณที่ไม่มีเชื้อกิเลสตัณหาดับสนิทแล้วก็ไม่ต้องไปเกิดอีก มีแต่พระคุณปรากฏอยู่ในโลกต่อไป ไม่มีตัวตนอะไร ว่างเปล่าจากจิตวิญญาณทั้งหมด”
    ฝ่ายผู้เดินทางในไปพิสูจน์ เพื่อให้เห็นจริงก็ยอมรับว่า”พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อทิ้งสังขารแล้วไม่ไปเกิดใหม่จริง” อย่างที่เข้าใจกันอยู่ในวงชาวพุทธทั่วไป แต่เหลืออยู่แต่ส่วนที่เรียกว่า “ปริสุทธิจิต ปริสุทธิ วิญญาณ หรือที่เรียกว่า ธรรมกายก็ได้” ไม่ยอมรับ เพราะเข้าใจว่าดับพร้อมกันกับสังขารร่างกายไปแล้วฯแต่ชาวพุทธ ที่เดินทางในไปพิสูจน์ด้วยตนเองยอมรับว่า “ไม่ดับไปตามสังขาร มีพร้อมทั้งอายตนะทั้ง ๖ เหมือนชาวมนุษย์ชาวสวรรค์ แต่ไม่เกิดใหม่เหมือนชาวมนุษย์ และสวรรค์เพราะไม่มีตัณหาพาไปเกิดนั่นเองฯ อายตนะทั้ง ๖ แห่งพระธรรมกายนี้ ปราศจากกิเลสมลทินทั้งปวง จึงเป็นสุขนิรันต์
    ส่วนสัสสตทิฏฐิ ที่ว่าเที่ยงนั้น มีกิเลสตัณหาอยู่ก็ว่าเทียงที่จะต้องเกิดอีกตลอดยุค และเกิดเป็นคนก็เที่ยงจะต้องเป็นคนตลอดยุค ไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงจัดเป็นสัสสตทิฏฐิ
    ส่วนชาวพุทธที่มีจิตบริสุทธิ หมดมลทินเครื่องเศร้าหมองจิตทั้งปวง คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง อชราไม่แก่ อมตํไม่ตาย นิพพาน เป็นสุขนิรันดร์อยู่เหนือโลก หรืออยุ่ในโลกุตตรโลกตลอดกาลฯ โลกกุตตร โลกอยู่ในอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีบ้าน ไม่มีเมือง ไม่มีกุฏิวิหาร เพราะไม่มี ลม ฝน ฝุ่นธุลี อะไรปลิวมาถูกต้องฯ ในยมโลกมนุษย์โลก เทวโลกฯลฯ ก็ผ่านไปได้ทุกแห่ง เพื่อแผ่เมตตาช่วยเหลือให้แก่สรรพสัตว์ บางทีก็ส่งกระแสจิตอย่างเดียวไปช่วยเป็นโมนัยกาย หรือธรรมกายเนรมิตร ไปทั่วทุกแห่งทุกแหล่งหล้า เพื่อช่วยเหลือสัตว์ ผู้มีกิเลสเบาบาง จะได้บัลลุมรรคผลนิพพาน ตามหลักพระองค์ไป เมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพ ลือสัตว์ขนสัตว์ไปได้เพียง๒๐อสงขัยเท่านั้น แต่สัตว์ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานตามไปที่หลังยังเหลืออีก ๔ อสงขัย บารมีของพระโคดมที่สร้าง ๒๐ อสงขัย โปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ ๒๔ อสงขัย ส่วนพระศรีอริยเมตไตรย สร้างบารมีเต็มเปี่ยม ๘๐ อสงขัย โปรดสัตว์ได้ ๘๐ อสงขัย
    ถ้านับจากชั้นภพเบื่องบน จากชั้นที่ ๓๑ เป็นต้นไป นิพพานจัดเป็นชั้นที่ ๓๒ ๓๓ ๓๔ ๓๕ ๓๖ ๓๗ฯลฯสูงขึ้นไปตามลำดับองค์นิพานก่อนก็อยู่ชั้นสูงสุด องค์นิพพานภายหลังก็อยู่ชั้นต่ำลงมา ลักษณะที่นิพพานนั้นไม่มีบ้านเมือง แต่มีต้นโพธิกับบัลลังก์เป็นที่ประทับและไสยาสน์เท่านั้น พระปัญจวัคคีย์ และพระอรหันต์ทั้งหลายก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ใต้ร่มโพธิ์ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแห่งเดียวแต่ลักษระต้นโพธิและบัลลังก์ก็ใหญ่เล็กตามบารมีและกาลเวลาก่อนและหลัง องค์ก่อนๆ ใหญ่ยิ่งกว่ากันองค์หลังๆ เล็กใหญ่กว่ากันตามกาลเวลาฯ แต่ถ้าประชุมกันในโลกมนุษย์เทวโลก ก็ไปประชุมกันทีอากาศบริสทธิ์ที่ว่างเปล่าจึงว่านิพพานอยู่ที่ว่างและอากาศบริสุทธิ์ที่ว่างเปล่าจึงว่านิพพานอยุ่ที่ว่างและอากาศบริสุทธิ์ทั่วโลก เหมือนดวง จันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาราในอากาศ เลื่อนลอยไปได้ทั่วนภากาศฉะนั้น
    ชักจะพุดพร่ำไปมากแล้ว แต่จำเป็นต้องพุดให้ผู้อ่านผู้ฝังได้รู้เรื่องนิพพาน ซึ่งเข้าใจยากจนเหลือวิสัย เพราะต้องการให้เข้าใจเรื่องนิพพานตามแนวพระสูตร พอเป็นทางพิจารณา มิใช่ว่าหายไปหมดไปสิ้นไปเหมือนควันบุหรี่เช่นนั้นฯ แต่นักปราชญ์บางท่านอธิบายว่านิพานสูญหายไปเหมือนกัน แต่เป็นการหายสาบสูญไปเหมือนกัน แต่เป็นการหายสาบสูญไปจากควันไฟ โลก โกรธ หลง มานะ ทิฏฐิ แม้ทิ้งสังขารไปแล้วยังเหลือแต่บริสุทธิจิตส่องแสงสว่างอยู่ตลอดกาล ไม่มีธุลี เมฆหมอกควัน คือกิเลสตัณหามาแผ้วพานปิดบังจิตอีกเลย เป็นนิตย์นิรันดร์ นี่แหละเขาเรียกว่า ”สุขนิรันดร์” ตามศาสนาพุทธละ หรือความสุขในพระนิพพานแน่นอน ขออธิบายไว้เพียงเท่านี้ก่อน ต่อไปมีโอกาสจะอิบายเทียบเหตุผลและความเห็นของอาจารย์ต่างๆเทียบเคียงให้ฟังอีกต่อไปคราวหน้า
    การพิมพ์ชีวประวัติคราวแรก เบีดเฉพาะเรื่องจุฬามณีเจดียืศรีธรรมราม เกิดปราฏชัดที่หน้าอก เพื่อชิมลางดูก่อนว่าชาวโลกจะสนใจและวินิจฉัยอย่างไร ใครได้ทราบข่าวเรื่องราวพูดกันต่อๆไปครั้นไปดูก็เห็นจริงซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ โดยคาดคิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ว่าสิ่งนี้จะบังเกิดขิ้นได้ด้วยอำนาจบุญฤทธิ์
    เมื่อเห็นว่าชาวโลกสนใจต่อสิ่งเป็นจริงเช่นนี้ ไม่ดูถูกดุหมิ่นเพราะเห็นจริงประจักษ์แก่ตาเนื้อของตนๆ แล้วหลวงพ่อจึงเปิดต่อไปอีก ซึ่งเป็นของจริงปรากฏ ที่กายเนื้อจริงเช่นกงจักร ดอกบัว สรพระนารายณ์ เจดีย์ ฯลฯ เมื่อท่านทั้งหลายที่สนใจอยากจะทราบเรื่องอะไร เปิดดุที่หน้าสารบาญอ่านดูก็จะรู้เรื่องความจริงต่อไป
    ขอให้ท่านทุกๆ คนที่สนใจ จงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดกาล
    “หลวงพ่อใหญ่อภินันโท (จุฬ) จอมไตรโลก”
    คำปรารภ
    พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๕๑๑
    เนื่องด้วยท่านอาจารย์หลวงพ่อ อภินันโท (จุฬ) ท่านเป็นนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเป็นผู้ที่มีความอุ
    อ่านรายละเอียด เพิ่มเติมด้านล่าง

    https://palungjit.org/threads/ชีวประวัติหลวงพ่อใหญ่-อภินันโท-จุฬ-วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์.558567/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อใหญ่ (จุฬ) ถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ลพบุรี ปี ๒๕๑๐

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20250710_175329.jpg IMG_20250710_175357.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...