พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน ควรติคนอื่นหรือไม่ ปัญหา คนบางคนถืออุเบกขา ไม่ยุ่งกับคนอื่น ไม่สรรเสริญผู้ควรสรรเสริญโดยกาลอันควร ไม่ติเตียนผู้ควรติเตียนโดยกาลอันควร เฉยๆ เสียสบายดีเหมือนกัน พระพุทธองค์ทรงเห็นอย่างไรในคนประเภทนี้? พุทธดำรัสตอบ “....ดูก่อนโปตลิยะ บุคคล ๔ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก คือ ผู้กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนโดยกาลอันควร ตามความเป็นจริง (แต่) ไม่กล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควร ๑ ผู้กล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควร (แต่) ไม่ ติเตียนตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร ๑ ผู้ไม่กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร ทั้งไม่กล่าว สรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควร ๑ ผู้กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร ทั้งกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควร ๑ “ดูก่อนโปตลิยะ บรรดาบุคคล ๔ จำพวกนี้ บุคคลผู้กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียนตามความเป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญตามความเป็นจริงโดยกาลอันควร นี้ เป็นผู้งามกว่า และประณีตกว่าบุคคล ๔ ประเภทนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมีความงาม คือความเป็นผู้รู้จักกาลในอันควรสรรเสริญและติเตียนนั้น ๆ....” โปตลิยสูตร จ. อํ. (๑๐๐) ตบ. ๒๑ : ๑๓๑-๑๓๔ ตท. ๒๑ : ๑๗๗-๑๗๙ ตอ. G.S. II : ๑๐๘-๑๐๙
สาธุค่ะ คนทั้งสี่ประเภทมีให้เห็นทุกวันทุกสังคม คนที่ไม่กล่าวติเตียนตามจริง ดูจะอยู่ง่ายสุด ไหลตามน้ำไปเรื่อย ก็ไม่เจอแรงกระทบ ไม่มีเวรภัย บางครั้งก็สับสนว่าควรยืน ณ จุดใดดี การเป็นคนประเภทที่ติเตียนเมื่อควร และสรรเสริญเมื่อควร ยากสุด เพราะต้องใช้ปัญญามาก ละเอียดกว่า ปราณีตกว่า